เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ซอโดชอล” นักสืบรุ่นเก๋าไฟแรงแห่งหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมรุนแรง ต้องเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมต่อเนื่องสุดเหี้ยมโหด โดยมีผู้เสียชีวิตเป็นศาสตราจารย์ชื่อดัง คดีนี้เชื่อมโยงกับคดีเก่าที่ยังไม่สามารถปิดได้ และยิ่งสืบสวนลึกลงไปเท่าไหร่ก็ยิ่งพบความซับซ้อนและปมปริศนามากขึ้นฆาตกรได้ตั้งตัวเป็น “ศาลเตี้ย” ที่ใช้ชื่อว่า “แฮชิ” โดยตั้งตนเป็นผู้พิพากษาและลงโทษคนชั่วที่สังคมเชื่อว่ากฎหมายไม่สามารถลงโทษได้อย่างเป็นธรรม การกระทำของฆาตกรรายนี้ไม่ได้เป็นเพียงการฆ่า แต่เป็นการถ่ายทอดคลิปวิดีโอท้าทายความยุติธรรมออกสู่สาธารณะ ทำให้คนทั้งประเทศตกอยู่ในความหวาดกลัวและสับสน
การกลับมาของทั้งสองคนและเคมีสุดเข้มข้น
ประเด็นทางสังคมนอกจากจะเป็นหนังแอคชั่น-สืบสวนที่เดือดระห่ำแล้ว “I, the Executioner” ยังสะท้อนประเด็นทางสังคมได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ ศาลเตี้ย ภาพยนตร์ชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามว่า การลงโทษคนชั่วด้วยวิธีการที่นอกเหนือกฎหมายนั้นถูกต้องหรือไม่ และเมื่อคนธรรมดาหันมาตั้งตนเป็นศาลเตี้ยเอง สังคมจะกลายเป็นอย่างไรพลังของโซเชียลมีเดีย หนังหยิบยกประเด็นการสร้างข่าวปลอมและพลังของโซเชียลมีเดียที่สามารถชี้นำความคิดเห็นของคนในสังคมได้อย่างรุนแรงทำให้ คนบริสุทธิ์กลายเป็นผู้ร้าย และกลับกันความยุติธรรมที่แท้จริง หนังนำเสนอให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างการทำตามกฎหมายและจิตสำนึกของความถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวละครนักสืบต้องเผชิญหน้า
การจับคู่ของนักแสดง การกลับมาของ ฮวังจองมิน ในบทนักสืบที่พร้อมจะลุยกับทุกสถานการณ์ และการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของ จองแฮอิน ในบท “พัคซอนอู” นักสืบหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีอุดมการณ์ความยุติธรรม ทำให้เกิดการปะทะฝีมือและเคมีที่ลงตัวความสมจริงของฉากแอคชั่น ภาพยนตร์มีการออกแบบฉากต่อสู้ที่สมจริงและดุเดือด ฉากบู๊ระยะประชิด การไล่ล่าด้วยรถยนต์ และการต่อสู้กลางสายฝนเป็นสิ่งที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าทำได้น่าทึ่งและเทียบชั้นได้กับภาพยนตร์แฟรนไชส์แอคชั่นระดับโลกอย่าง John Wick โทนเรื่องที่หลากหลาย: แม้จะเป็นหนังแนวสืบสวนอาชญากรรมที่จริงจัง แต่ผู้กำกับก็สามารถแทรกอารมณ์ขันเข้ามาได้อย่างลงตัว ทำให้หนังมีจังหวะการเล่าเรื่องที่ลื่นไหลและไม่หนักจนเกินไป
ฉากแอ็กชันที่สมจริงและดุเดือด
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลามคือฉากแอ็กชันที่ออกแบบได้อย่างสมจริงและดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้ระยะประชิดที่แสดงถึงทักษะของตัวละคร, การไล่ล่าด้วยรถยนต์ที่น่าตื่นเต้น, หรือการต่อสู้กลางสายฝนที่เพิ่มความเข้มข้นให้กับบรรยากาศ โดยนักวิจารณ์หลายคนยกย่องว่าฉากแอ็กชันในเรื่องนี้ทำได้น่าทึ่งและเทียบชั้นได้กับภาพยนตร์แฟรนไชส์แอ็กชันระดับโลกอย่าง John Wick เลยทีเดียวโทนเรื่องที่หลากหลายและน่าติดตามแม้จะเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนอาชญากรรมที่จริงจัง แต่ผู้กำกับก็สามารถแทรกอารมณ์ขันเข้ามาได้อย่างลงตัว ทำให้หนังมีจังหวะการเล่าเรื่องที่ลื่นไหลและไม่หนักจนเกินไป การผสมผสานระหว่างฉากดราม่า แอ็กชัน และอารมณ์ขัน ทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับตัวละครและเพลิดเพลินกับเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นผลงานที่ครบเครื่องทั้งในด้านพล็อตเรื่องที่เข้มข้น การแสดงที่ยอดเยี่ยม และฉากแอ็กชันที่น่าประทับใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอหนังแนวสืบสวนแอ็กชันไม่ควรพลาด
บทสรุปส่งท้าย
สำหรับการ รีวิวหนัง พล็อตเรื่องเข้มข้นภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการตามล่าฆาตกรต่อเนื่องที่เรียกตัวเองว่าศาลเตี้ยซึ่งใช้การลงโทษที่นอกเหนือกฎหมายกับคนชั่วที่หลุดพ้นจากกระบวนการยุติธรรม ทำให้เกิดคำถามว่า “ความยุติธรรมที่แท้จริงคืออะไรประเด็นทางสังคมที่น่าคิด นอกจากการไล่ล่าที่ดุเดือดแล้ว หนังยังสอดแทรกประเด็นสำคัญที่สะท้อนสังคมปัจจุบันได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น “การทำหน้าที่ของกฎหมาย” ที่อาจมีช่องโหว่ “พลังของสื่อโซเชียล” ที่สามารถตัดสินคนได้อย่างรวดเร็ว และ “การใช้ความรุนแรงเพื่อความยุติธรรม” ที่สร้างความแตกแยกในสังคมฉากแอคชั่นสุดระห่ำ ผู้กำกับรยูซึงวานสร้างสรรค์ฉากต่อสู้ได้อย่างสมจริงและน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะการต่อสู้ระยะประชิดที่ดุดัน และการไล่ล่าด้วยรถยนต์ที่ชวนให้ลุ้นระทึกทุกวินาทีการแสดงที่ทรงพลัง ฮวังจองมินและจองแฮอินต่างก็รับบทบาทของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม การปะทะฝีมือกันระหว่างนักสืบรุ่นเก๋ากับนักสืบหนุ่มไฟแรงสร้างเคมีที่ลงตัวและทำให้เรื่องราวน่าติดตามยิ่งขึ้นโดยสรุปแล้ว “คู่เดือดนรกต้องกราบ I, the Executioner 2024” ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังแอคชั่นทั่วไป แต่เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความมันส์เข้ากับเนื้อหาที่ลึกซึ้งได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมได้รับทั้งความบันเทิงและข้อคิดที่ต้องนำกลับไปขบคิดหลังดูจบ
ช่องทางรับชม: คู่เดือดนรกต้องกราบ I, the Executioner 2024
หนังแนะนำ: สาวผมยุ่งหัวใจว้าวุ่น Love Untangled (2025)