The Railway Man

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง The Railway Man

วันนี้เราจะมา รีวิวภาพยนตร์ เรื่อง The Railway Man  สร้างจากเรื่องจริงในหนังสือชื่อเดียวกัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอดีตทหารอังกฤษชื่อ เอริก โลแม็กซ์ (Eric Lomax) ซึ่งแสดงโดย โคลิน เฟิร์ธ ที่ต้องเผชิญกับบาดแผลทางใจที่ลึกซึ้งจากประสบการณ์อันเลวร้ายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

The Railway Man

ช่วงสงครามและการสร้างทางรถไฟสายมรณะ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเอริก โลแม็กซ์ ในฐานะร้อยตรีสื่อสารของกองทัพอังกฤษ ถูกจับเป็นเชลยศึกโดยกองทัพญี่ปุ่น เขาถูกส่งตัวมายังค่ายเชลยในประเทศไทยซึ่ง เชลยศึก จากหลายชาติ ทั้งอังกฤษ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ถูกบังคับให้ใช้แรงงานอย่างหนักเพื่อสร้าง ทางรถไฟสายมรณะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ทางรถไฟสายไทย-พม่าในค่ายเชลย เอริกและเพื่อนทหารต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ทั้งจากความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บ และการถูกทุบตีทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมจากทหารญี่ปุ่น ผู้คุมบางคนมีความรุนแรงเป็นพิเศษ ทำให้เชลยศึกหลายคนเสียชีวิตระหว่างการก่อสร้าง เอริกใช้ความรู้เรื่องวิทยุที่เขามี แอบสร้างวิทยุเครื่องเล็กๆ เพื่อรับฟังข่าวสารและปลอบขวัญเพื่อนๆ แต่ก็ถูกจับได้ในที่สุดการถูกจับได้ครั้งนั้นทำให้เอริกถูกทรมานอย่างแสนสาหัส เขายังคงจำภาพทหารญี่ปุ่นคนหนึ่งได้แม่นยำ ซึ่งเป็นผู้ที่ทรมานเขาอย่างโหดเหี้ยมและเป็นคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษได้ นั่นทำให้เขาฝังใจกับความเจ็บปวดครั้งนั้นอย่างไม่อาจลืมเลือนได้ตลอดชีวิต

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเอริก โลแม็กซ์ ในฐานะร้อยตรีสื่อสารของกองทัพอังกฤษ ถูกจับเป็นเชลยศึกโดยกองทัพญี่ปุ่น เขาถูกส่งตัวมายังค่ายเชลยในประเทศไทยซึ่ง เชลยศึก จากหลายชาติ ทั้งอังกฤษ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ถูกบังคับให้ใช้แรงงาน

ชีวิตหลังสงครามและความรัก

หลายสิบปีผ่านไป เอริก โลแม็กซ์ ใช้ชีวิตหลังสงครามด้วยอาการป่วยทางจิตใจ เขาไม่เคยเล่าเรื่องราวในอดีตให้ใครฟัง จนกระทั่งได้พบกับ แพตตี้ วอลเลซ ซึ่งแสดงโดย นิโคล คิดแมน ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและแต่งงานในที่สุด แต่แพตตี้เริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปกติของสามี เธอเห็นว่าเอริกมักจะตกใจและหวาดผวาเมื่อได้ยินเสียงดัง หรือแม้แต่เมื่อมีการพูดคุยเรื่องราวในสงคราม เขามักจะฝันร้ายและตื่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว แพตตี้พยายามทำความเข้าใจและช่วยเหลือสามี แต่เอริกยังคงเก็บงำความเจ็บปวดไว้คนเดียว

เอริกชื่อ ฟินเลย์

การเผชิญหน้ากับอดีต

วันหนึ่ง เพื่อนทหารเก่าของ เอริกชื่อ ฟินเลย์ ได้มาบอกข่าวที่ทำให้ชีวิตของเอริกต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล ฟินเลย์บอกว่าเขาเจอภาพถ่ายของ ทาเคชิ นางาเสะ ซึ่งเป็นทหารญี่ปุ่นที่เคยทรมานเอริกในค่ายเชลยศึก และตอนนี้เขากลายเป็นไกด์นำเที่ยวอยู่ที่ช่องเขาขาด โดยมีอาชีพแนะนำนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับทางรถไฟสายมรณะที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างข่าวนี้ทำให้เอริกตัดสินใจที่จะกลับไปที่ช่องเขาขาด เพื่อเผชิญหน้ากับอดีตของตัวเอง เขาเดินทางไปยังประเทศไทยและตามหาทาเคชิ นางาเสะ โดยมีเป้าหมายคือต้องการแก้แค้น แต่เมื่อทั้งสองได้พบกันและพูดคุยกัน เอริกกลับได้เรียนรู้เรื่องราวอีกด้านหนึ่งของทาเคชิ ที่ไม่ใช่มนุษย์ที่โหดร้ายเหมือนที่เขาจำได้ ในช่วงท้ายของภาพยนตร์ เอริกได้รู้ว่าทาเคชิเองก็มีบาดแผลทางใจเช่นกัน และกำลังใช้ชีวิตเพื่อชดใช้ความผิดในอดีต ด้วยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงคราม การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้เอริกต้องเลือกว่าจะให้อภัยหรือจะยังคงจมอยู่กับความแค้นที่ฝังใจมานานกว่าครึ่งศตวรรษ ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวของการแก้แค้น แต่เป็นเรื่องราวของการให้อภัย การปลดปล่อย และการเยียวยาบาดแผลที่ลึกที่สุดในจิตใจของมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายของสงคราม

Scroll to Top