วันนี้เราจะมา รีวิวหนัง เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 5 ยุทธหัตถี เป็นบทสรุปเรื่องราวการกอบกู้เอกราชของสยามประเทศ โดยมีเนื้อหาหลักอยู่ที่สงครามยุทธหัตถีอันยิ่งใหญ่ระหว่าง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ พระมหาอุปราชา
การเตรียมศึกครั้งสุดท้าย
หลังจากที่สมเด็จพระนเรศวรประกาศ อิสรภาพ และได้รับชัยชนะในหลายศึกสงคราม ทำให้พระเจ้านันทบุเรงแห่งกรุงหงสาวดีทรงรู้สึกอัปยศอดสูเป็นอย่างยิ่ง พระองค์จึงตัดสินใจยกทัพใหญ่มารุกรานกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง โดยมอบหมายให้ พระมหาอุปราชา โอรสองค์รองเป็นแม่ทัพ โดยมีเหล่าแม่ทัพนายกองฝีมือดีมากมายร่วมทัพ เช่น นัดจินหน่อง, มังจาปะโร และลักไวทำมูทางฝ่ายกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงทราบข่าว จึงได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและแม่ทัพเพื่อวางแผนรับมือการศึกครั้งใหญ่ที่สุดนี้ พระองค์ทรงให้ความสำคัญกับการเตรียมกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างเต็มที่ ทรงมีพระราชดำรัสปลุกขวัญและกำลังใจของเหล่าไพร่พลให้พร้อมที่จะปกป้องแผ่นดินเกิด
การเผชิญหน้า ณ หนองสาหร่าย
กองทัพพม่าจำนวนมหาศาลเคลื่อนทัพเข้ามาถึงชายแดนสยาม การปะทะกันเริ่มต้นขึ้นที่ชายแดนและค่อย ๆ เข้าใกล้กรุงศรีอยุธยามากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในเช้าตรู่ของวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 กองทัพของสมเด็จพระนเรศวรได้เข้าปะทะกับกองทัพพม่าที่บริเวณ ตำบลหนองสาหร่าย จ.สุพรรณบุรีในช่วงการสู้รบอันดุเดือดนั้น ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรนามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ และช้างทรงของสมเด็จพระเอกาทศรถนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร เกิดตกมันและวิ่งฝ่าเข้าไปในวงล้อมของข้าศึก ทำให้ทั้งสองพระองค์ต้องต่อสู้กับทหารพม่าจำนวนมากเพียงลำพัง ท่ามกลางสถานการณ์ที่คับขัน
การท้าดวลยุทธหัตถี
ในขณะที่การสู้รบดำเนินไป สมเด็จพระนเรศวรทรงทอดพระเนตรเห็น พระมหาอุปราชา ประทับบนช้างทรงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พระองค์จึงทรงไสช้างพระที่นั่งเข้าไปใกล้และตะโกนท้าทายด้วยพระสุรเสียงอันกึกก้องว่า “เจ้าพี่จะยืนอยู่ทำไมในร่มเงาไม้ มาทำยุทธหัตถีด้วยกันให้เป็นเกียรติยศแก่แผ่นดินเถิด” พระมหาอุปราชาทรงตกพระทัย แต่ด้วยความเป็นชายชาตินักรบจึงทรงรับคำท้า การต่อสู้บนหลังช้างจึงเริ่มต้นขึ้น การยุทธหัตถีเป็นการต่อสู้ที่ต้องใช้ความสามารถ ความแข็งแกร่ง และไหวพริบอย่างที่สุด ทั้งสองพระองค์ทรงใช้พระแสงของ้าวเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
ชัยชนะอันยิ่งใหญ่
ท้ายที่สุด สมเด็จพระนเรศวรทรงใช้พระแสงของ้าวฟันเข้าที่พระอังสา บ่า ของพระมหาอุปราชา ทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์บนคอช้าง ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถก็ทรงสู้รบกับลักไวทำมูจนได้รับชัยชนะเช่นกันชัยชนะในศึกยุทธหัตถีครั้งนี้เป็นชัยชนะที่เด็ดขาดและเป็น ประวัติศาสตร์ ทำให้กองทัพพม่าต้องถอยทัพกลับไปอย่างพ่ายแพ้ และไม่กล้ายกทัพมารุกรานสยามไปอีกนานหลายปี สมเด็จพระนเรศวรทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงปรีชาสามารถ และเป็นผู้กอบกู้เอกราชของชาติอย่างแท้จริงภาพยนตร์เรื่องนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเสียสละของเหล่านักรบผู้กล้าหาญที่ร่วมกันปกป้องแผ่นดิน การเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว และความจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นบทสรุปอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ชุดนี้ได้เป็นอย่างดี