ซีรีส์วายไทย ชาย (Shine) 2025

ซีรีส์วายไทย ชาย (Shine) 2025

Shine (2025) นำเสนอซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องรักหวานแหวว แต่เป็นการผสมผสาน การเมืองไทยยุค 60s กับความสัมพันธ์ที่ท้าทายบรรทัดฐานสังคม ผลงานจาก Be On Cloud ได้รับเลือกให้ฉายบน WeTV และ Channel 7HD และกลายเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่สร้างกระแสได้อย่างเงียบๆ แต่ทรงพลัง

Shine เล่าเรื่องเริ่มต้นด้วยปาร์ตี้หรูหราใน Grand Paradiso เพื่อฉลองการเหยียบดวงจันทร์ในเดือนกรกฎาคม 1969 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด แต่กลุ่มนักศึกษากำลังเตรียมประท้วง ภายในงาน ธันวาและวง Moonshine กำลังแสดง แต่เขาไม่ใช่ลูกคนรวยทั่วไป เพราะเป็นลูกชายที่ห่างเหินจากนักธุรกิจใหญ่ พะโดม ชาตบดี ระหว่างการแสดง ธันวาสบตากับ ตริน นักเศรษฐศาสตร์หล่อที่เพิ่งกลับจากปารีสหลังจาก 9 ปี

สิ่งที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจคือการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครที่สมจริง ตรินเป็นคนหลักการแน่น แต่เขาก็มีข้อบกพร่อง เขาได้รับข้อเสนอตำแหน่งผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารชาติ แต่ปฏิเสธเพื่อเข้าร่วมสภาวัฒนธรรมเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การประท้วงเริ่มต้นเมื่อวิคเตอร์ พนักงานเสิร์ฟ part-time ส่งสัญญาณ นักศึกษาคัดค้านการใช้เงินฟุ่มเฟือยและโครงการทุนนิยมอย่างโรงไฟฟ้าและเขื่อนบนที่ดินทหารห้วยคำแสง ซีรีส์เรื่องนี้ถามคำถามหนักหน่วง: ถ้าเราเลือกได้ เราจะเปลี่ยนแปลงสังคมหรือยอมตามกระแส

นารัน นักข่าวแฝงตัวเข้างานและถ่ายรูปพันเอกไกรเลิศและพลเอกประชา การประท้วงลุกลาม พลเอกประชาหนีไป ปล่อยให้ไกรเลิศจัดการ ตรินอยากให้ลุงของเขาเปิดเจรจากับนักศึกษา เพราะเชื่อว่าโครงการนี้ดีสำหรับทุกคน แต่ไกรเลิศเลือกใช้กำลัง นารันถ่ายรูปไว้หมด Flashback แสดงการประท้วงในปารีสที่ตรินพยายามห้ามแฟนสาวแคลร์ไม่ให้เข้าร่วม เธอหวังว่าเขาจะยืนหยัดเพื่อประเทศชาติ แต่ในปัจจุบัน เขาแค่หลบเลี่ยง ซึ่งธันวาสังเกตเห็น

งานภาพใน ชาย (2025) ไม่ได้เน้นความตระการตาแบบบล็อกบัสเตอร์ แต่เลือกใช้สีสันอบอุ่นและแสงไฟที่สร้างบรรยากาศยุคฮิปปี้ การ grading สีและ light leaks สร้างความรู้สึกเข้าสู่ยุค 60s ที่สดใสแต่แฝงความตึงเครียด เสื้อผ้าและทรงผมของตัวละครสะท้อนความขัดแย้งระหว่างชนชั้นสูงกับฮิปปี้ แสงไฟอุ่นๆ ในโรงแรมหรูตัดกับแสงโคมไฟถนนที่สว่างจางๆ สำหรับคนจน

ดนตรีเป็นไฮไลต์อีกอย่าง ซีรีส์ไม่ได้ทำให้มันเกินจริง แต่ผสมผสานได้อย่างลงตัว เพลง Far Side of the Moon ของ Moonshine กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อตัวตน เปรียบสังคมไทยเหมือนดวงจันทร์ที่มีด้านสว่างสำหรับคนรวยและด้านมืดสำหรับคนจน การ juxtaposition ระหว่างดนตรีฮิปปี้กับการเมืองทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปกับตัวละคร ไม่แน่ใจว่าจะเจออะไรต่อไป

สิ่งที่ทำให้ ซีรีส์วายไทย เรื่องนี้ไม่จมลงสู่ความ melodramatic คือการเล่าเรื่องที่สมเหตุสมผลและเป็นธรรมชาติ อารมณ์ที่เรารู้สึกเมื่อดูไม่ใช่การถูกบังคับ แต่เป็นผลลัพธ์จากความผูกพันกับตัวละคร เราจะรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปกับตริน และหวังว่าเขาจะพบแสงสว่างในตอนท้ายของอุโมงค์ การแสดงของ มาย-ภาคภูมิ ในบทธันวาและ อาโป-ณัฐวิญญ์ ในบทตรินเป็นการสลับบทบาทที่สดชื่น มาย หัวเราะและเล่นตลก ขณะที่ อาโป เป็นคนเคร่งเครียดแต่ตลก

 

 

Scroll to Top