ภาพยนตร์ดราม่า ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ผลงานการกำกับของ “โคลอี เจา” (Chloé Zhao) ซึ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ปี 2021 มาพร้อมกับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก “ฟรานเซส แม็คดอร์มานด์” (Frances McDormand) ด้วยโทนหนังที่นิ่ง ลึก และเต็มไปด้วยอารมณ์ที่สื่อสารผ่านสายตาและความเงียบมากกว่าคำพูด ทำให้ Nomadland ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์ที่ให้เวลาครุ่นคิดและสื่อถึงมนุษยธรรม นี่คือผลงานที่ควรค่าแก่การรับชม
เรื่องราว ติดตามชีวิตของ เฟิร์น หญิงวัยกลางคนที่สูญเสียทั้งบ้านและสามีในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐฯ จนตัดสินใจออกเดินทางโดยใช้รถตู้คันเก่าเป็นทั้งบ้านและพาหนะ เธอกลายเป็น โนแมด หรือชนเผ่าเร่ร่อนยุคใหม่ ที่เดินทางไปตามรัฐต่าง ๆ เพื่อหางานชั่วคราว เช่น แพ็คของในโกดัง Amazon, ทำความสะอาดในแคมป์ หรือดูแลห้องน้ำสาธารณะ
สิ่งที่โดดเด่นใน Nomadland ไม่ใช่แค่การแสดงของแม็คดอร์มานด์ที่ยอดเยี่ยมเป็นธรรมชาติ แต่ยังอยู่ที่การนำเสนอวิถีชีวิตของกลุ่มคนที่แทบจะไม่มีใครพูดถึงคนที่ไม่มีบ้าน ไม่ใช่เพราะจน แต่เพราะเลือกเส้นทางนี้อย่างมีศักดิ์ศรี หนังเล่าเรื่องผ่านสายตาเฟิร์น ที่ค่อย ๆ ทำให้เราเข้าใจว่า “บ้าน” ไม่ใช่แค่สิ่งปลูกสร้าง แต่คือความรู้สึกปลอดภัยและการได้เป็นตัวของตัวเองในโลกที่กดดันให้เราเดินตามระบบ
ด้านภาพยนตร์ มีการถ่ายภาพที่สวยงามและโดดเด่น โดยเน้นทิวทัศน์กว้างของทะเลทราย แสงอาทิตย์ตก และพื้นที่ธรรมชาติอันเวิ้งว้าง ทั้งหมดถูกถ่ายอย่างตั้งใจเพื่อสะท้อนความเหงา ความอิสระ และความเปราะบางของชีวิต ตัวหนังแทบไม่มีดนตรีประกอบมากนัก แต่กลับสร้างอารมณ์ร่วมได้ดี ผ่านเสียงลมหรือการเคลื่อนไหวของเฟิร์นที่พาผู้ชมไปสัมผัสโลกใบนี้อย่างใกล้ชิด
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจคือ การที่หนังนำ โนแมดตัวจริง มาร่วมแสดงในบทของตนเอง ทำให้ภาพยนตร์มีความสมจริงและจริงใจอย่างลึกซึ้ง เช่น ลินดา เมย์ และ บ็อบ เวลส์ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจเรื่องการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
โดยสรุป Nomadland ไม่ใช่หนังที่เน้นความบันเทิงแบบกระแสหลัก แต่คือบทกวีแห่งการดำรงอยู่ ความเหงา และการค้นหาตัวตนอย่างสงบและงดงาม ถ้าคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่พูดถึงความหมายของชีวิตในแง่มุมที่ลึกซึ้งและเปราะบาง นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ