Charlie and the Chocolate Factory หรือในชื่อภาษาไทย ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต ฉบับปี 2005 เป็นการนำเสนอเรื่องราวอมตะของ Roald Dahl มาสู่จอเงินอีกครั้งภายใต้การกำกับของ Tim Burton ผู้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสไตล์ภาพอันเป็นเอกลักษณ์และบรรยากาศเหนือจริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นนิทานแฟนตาซีสำหรับเด็ก แต่ยังแฝงไปด้วยข้อคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับศีลธรรม การเลี้ยงดู และความสุขที่แท้จริง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเมืองที่ปกคลุมด้วยความหม่นหมอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่ ชาร์ลี บัคเก็ต อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่ยากจน พวกเขาต้องดิ้นรนในชีวิตประจำวัน แต่ความรักและความอบอุ่นในครอบครัวเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจของชาร์ลีได้อย่างดีเยี่ยม ท่ามกลางความยากจนนี้เอง วองก้า ช็อกโกแลต ซึ่งเป็นโรงงานช็อกโกแลตชื่อดังระดับโลก และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเมือง ก็ยังคงเป็นความฝันอันหอมหวานของเด็ก ๆ ทุกคน จนกระทั่งวิลลี่ วองก้า เจ้าของโรงงานผู้ลึกลับและอัจฉริยะ ได้ประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการซ่อนบัตรทองคำ 5 ใบในแท่งช็อกโกแลตของเขา เพื่อเฟ้นหาเด็กผู้โชคดี 5 คนที่จะได้เข้าชมโรงงานในฝันแห่งนี้
เมื่อบัตรทองคำถูกค้นพบทีละใบ เราก็ได้พบกับเด็ก ๆ ผู้โชคดีคนอื่น ๆ ได้แก่ ออกัสตัส กลุป ผู้ตะกละจากเยอรมนี, เวรูก้า ซอลต์ เด็กหญิงเอาแต่ใจจากครอบครัวเศรษฐีอังกฤษ, ไวโอเล็ต โบเรอการ์ด เด็กสาวอเมริกันผู้หลงใหลการเคี้ยวหมากฝรั่ง, และไมค์ ทีวี เด็กอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีผู้ติดจอ ภาพยนตร์นำเสนอตัวละครเหล่านี้ได้อย่างมีสีสันและโดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เกิดจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด การที่เด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับผลกรรมจากความโลภ ความเห็นแก่ตัว และความหมกมุ่นในสิ่งที่ไร้สาระของตนเอง เป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อสารอย่างชัดเจน
แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่การแสดงของ Johnny Depp ในบทบาทของ วิลลี่ วองก้า เขาสร้างสรรค์ตัวละครนี้ให้มีความซับซ้อน น่าสนใจ และแตกต่างจากฉบับเดิม วองก้าของเดปป์เป็นชายผู้โดดเดี่ยว มีบุคลิกแปลกประหลาด เข้าสังคมไม่เป็น และมีความหลังที่เจ็บปวดกับการถูกพ่อผู้เป็นทันตแพทย์บังคับในวัยเด็ก การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงของเขาช่วยขับเน้นมิติของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้วองก้าเป็นทั้งผู้วิเศษ เจ้าของอาณาจักรขนมหวานที่น่าหลงใหล และชายผู้เปราะบางที่แสวงหาความเข้าใจและครอบครัว
โรงงานช็อกโกแลตในฉบับของ Tim Burton คือไฮไลต์สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ การออกแบบฉากภายในโรงงานเต็มไปด้วยจินตนาการอันไร้ขอบเขต สีสันสดใส และรายละเอียดที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำช็อกโกแลต ทุ่งหญ้าลูกอม ห้องผลิตนวัตกรรมแปลกใหม่ หรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อย่าง อุมปา ลุมปา ที่รับบทโดย Deep Roy เพียงคนเดียวและถูกโคลนนิ่งด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังทำหน้าที่ขับร้องเพลงเตือนใจเมื่อเด็กแต่ละคนได้รับบทเรียนจากความผิดพลาดของตนเอง ภาพและเสียงในโรงงานแห่งนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจและดึงดูดผู้ชมให้ดำดิ่งสู่โลกแฟนตาซีได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยรวมแล้ว Charlie and the Chocolate Factory ฉบับปี 2005 เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความมหัศจรรย์ ความตลกขบขัน และข้อคิดเตือนใจได้อย่างลงตัว มันเตือนให้เราเห็นว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากความมั่งคั่งหรือการได้มาซึ่งทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่มาจากความดีงามในจิตใจ ความรักในครอบครัว และการเห็นคุณค่าของสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังคงทิ้งประเด็นให้ได้คิดและพูดคุยกันต่อหลังจบเรื่อง เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัยที่มองหาภาพยนตร์แฟนตาซีที่มีทั้งความสดใสและความลึกซึ้งในเวลาเดียวกัน