No Time to Die

รีวิวหนังเรื่อง No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ

พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die ถือเป็นบทสรุปสุดยิ่งใหญ่ของสายลับ 007 ที่รับบทโดย แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ที่แฟนหนังเจมส์ บอนด์ทั่วโลกต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ หนังภาคนี้กำกับโดย แครี่ โจจิ ฟูกุนากะ (Cary Joji Fukunaga) และเป็นภาคที่มีความยาวมากที่สุดในแฟรนไชส์บอนด์ นับตั้งแต่เริ่มต้นมา

เรื่องราวเริ่มต้นหลังจากเหตุการณ์ในภาค Spectre เมื่อเจมส์ บอนด์ตัดสินใจวางมือจากชีวิตสายลับและใช้ชีวิตอย่างสงบในจาไมกา แต่แล้วอดีตอันแสนอันตรายก็ตามหลอกหลอน เมื่อเฟลิกซ์ ไลเตอร์ (Jeffrey Wright) เพื่อนเก่าจาก CIA มาขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตามหานักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไป ภารกิจที่ดูเหมือนจะง่ายกลับพาเขาเข้าไปพัวพันกับวายร้ายคนใหม่ที่ชื่อ ซาฟิน (รับบทโดย รามี่ มาเลค) ผู้มีแผนร้ายระดับโลกและเชื่อมโยงกับอาวุธชีวภาพอันตราย จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือความเชื่อมโยงกับภาคก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับ แมเดอลีน สวอนน์ (Léa Seydoux) คนรักเก่าที่มีอดีตลึกลับ รวมถึงองค์กร Spectre ที่ยังคงตามหลอกหลอนบอนด์ การดำเนินเรื่องแม้จะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่หนังก็พยายามรักษาจังหวะด้วยฉากแอ็กชันสุดระห่ำและดราม่าหนัก ๆ ที่เจาะลึกตัวตนของบอนด์มากกว่าภาคไหนๆ

โดดเด่นเรื่องงานภาพและการออกแบบฉากที่สวยงามทุกมุมมอง ตั้งแต่ฉากเปิดตัวในอิตาลีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก ไปจนถึงฉากไล่ล่าในป่าทึบ และฉากแอ็กชันยิงถล่มสุดระห่ำในคิวบา ฉากต่อสู้และระเบิดต่าง ๆ ถูกออกแบบมาอย่างสมจริงและมีพลัง ภาพยนตร์ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นเจมส์ บอนด์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งรถ Aston Martin DB5 ปืนกลซ่อนในไฟหน้า และอุปกรณ์สไตล์สายลับที่แฟนคลับคุ้นเคย แดเนียล เคร็ก ถ่ายทอดอารมณ์ความเป็นบอนด์เวอร์ชั่นที่บอบช้ำและมีแผลใจได้อย่างยอดเยี่ยม เขาสามารถถ่ายทอดทั้งความแข็งแกร่งและความเปราะบางของตัวละครได้อย่างมีมิติ นอกจากนี้ รามี่ มาเลค ในบทวายร้ายซาฟิน แม้บทบาทจะไม่ลึกซึ้งเท่าที่ควร แต่เขาก็สร้างความกดดันให้กับคนดูได้ไม่น้อย

No Time to Die

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าจดจำคือการปรากฏตัวของสายลับหญิงรหัส 007 คนใหม่ “โนมี” (รับบทโดย Lashana Lynch) ที่มีบทบาทโดดเด่น และ Ana de Armas ในบท “พาโลมา” กับฉากบู๊ที่ทั้งเท่และเซ็กซี่จนหลายคนพูดถึง พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ ถือเป็นบทสรุปที่สมศักดิ์ศรีสำหรับเจมส์ บอนด์ในยุคแดเนียล เคร็ก หนังถ่ายทอดทั้งความเป็นหนังแอ็กชันระทึกขวัญ สายลับสุดเท่ และดราม่าทางอารมณ์ที่ลึกซึ้งกว่าหลายภาคที่ผ่านมา ตอนจบของหนังสะเทือนใจและทิ้งความรู้สึกหลากหลายให้กับคนดู เป็นการปิดตำนานบอนด์ยุคนี้อย่างยิ่งใหญ่และน่าจดจำ หากใครเป็นแฟนเจมส์ บอนด์ หรือชอบหนังแอ็กชันที่มีเนื้อหาเข้มข้น “No Time to Die” เป็นหนังที่ไม่ควรพลาด

Scroll to Top