ดูเหมือนว่าฝั่งเกาหลีกำลังเร่งพัฒนางานสร้างฝั่งหนังแอนิเมชันอย่างเต็มกำลังในช่วงนี้ ทำให้เราจะได้เห็นงานหนังการ์ตูนจากเกาหลีฟอร์มใหญ่ยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ปล่อยฉายออกมาสู่สายตาผู้ชมอย่างน่าจับตามอง และล่าสุดก็เป็นคิวของ “เลือนหายในแสงดาว” แอนิเมชันกลิ่นอายสไตล์สองมิติที่น่าหลงใหล มาพร้อมกับพล็อตเรื่องที่ไม่ธรรมดา ผูกเข้าระหว่างความโรแมนซ์กับไซไฟอวกาศได้อย่างน่าทึ่ง และยังมาพร้อมกับเสียงพากย์ของซุปตาร์
เรื่องราวของ ดร.จูนันยอง นักวิทยาศาสตร์หญิง อายุยังน้อย ที่ยังติดค้างคาใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่แม่ของเธอไม่สามารถกลับมายังโลกได้ เพราะเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างภารกิจสำรวจดาวอังคาร เมื่อ 25 ปีก่อน ทำให้บัดนี้เธอเติบใหญ่และมีความฝันอยากจะไปสู่ห้วงอวกาศ เพื่อตามหาร่องรอยของแม่ แต่จะเป็นเช่นนั้นได้เธอต้องได้รับเลือกเป็นหนึ่งในทีมสำรวจดาวอังคารทีมใหม่ แต่ว่าความฝันของเธอได้หวั่นไหว หลังได้พบและรู้จักกับ เจย์ หนุ่มนักดนตรีอิสระที่รับงานซ่อมเครื่องเสียงวินเทจ พร้อมกับทำให้หัวใจของเธอพองโต
นี่คือผลงานของผู้กำกับหญิงที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงงานสร้างหนังแอนิเมชันของเกาหลีมาหลายปี อย่าง “ฮันจีวอน” และนี่น่าจะเป็นผลงานสร้างหนังใหญ่เต็มเรื่องอย่างเต็มตัวของเธอ ที่เธอทั้งกำกับและร่วมเขียนบทหนังด้วย อาจจะปฏิเสธไม่ได้ว่า Lost in Starlight แอบมีกลิ่นอายเหมือนกับหนังอนิเมะดัง ๆ หลายเรื่องจากฝั่งญี่ปุ่น ทั้งกลิ่นอายและความละมุนของหนังเรื่องนี้ แต่อย่างน้อย ๆ ก็ยังอิ่มเอมไปด้วยพล็อตความเป็นคอนเทนท์ฝั่งเกาหลีที่หอมหวนตามสูตร
บทหนังของ Lost in Starlight อาจจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่ก็มีพลังอันดีงามที่เพียงพอที่จะขับเคลื่อนตัวหนังไปได้อย่างเปี่ยมล้น เป็นสูตรสำเร็จที่ยังค่อนข้างเวิร์กอยู่ ประเด็นหลักและประเด็นรองของหนังก็ค่อนข้างชัดเจนดี สามารถบิ้วท์ห้วงความโรแมนซ์ในหนังออกมาได้อย่างเต็มเปี่ยม ในขณะที่พล็อตรองของหนังก็หยอดใส่เข้ามาได้อย่างมีน้ำหนัก ทุกจังหวะของหนังได้ทำการผูกเข้าหากันด้วยพลังแห่งความรักและท่วงทำนองของเสียงเพลง ที่ฟังดูอาจจะเชย ๆ ไปสักหน่อย แต่ก็ยังทรงประสิทธิภาพ
ทางฝั่งงานสร้างใน Lost in Starlight ก็ต้องยกนิ้วให้เช่นกัน เพราะถือว่าวิชวลและงานเทคนิคของหนังเรื่องนี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างพิถีพิถัน ผสมผสานความสดใหม่เข้ากับความวินเทจย้อนยุคได้เบา ๆ ลายเส้นและองค์ประกอบโปรดักชันต่าง ๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างราบรื่นและแทบจะไม่มีรอยสะดุดใด ๆ เลย เป็นหนังที่สามารถหยุดจับเป็นโมเมนต์นำไปสร้างภาพประกอบแบบงาม ๆ ได้อยู่ในหลายฉากเลยทีเดียว ถึงหนังจะมีฉากหลังเป็นปี 2051 แต่กลับไม่พยายามที่จะใส่ความสมัยใหม่แบบทะเยอทะยานแบบยัดเยียดเข้าไปด้วย
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Lost in Starlight นับว่าเป็นทิศทางที่ดีในแง่การพัฒนาไปต่อของวงการหนังแอนิเมชันเกาหลี ถือว่าศักยภาพและมุมมองของพวกเขาไปได้ค่อนข้างดี และได้ชื่อว่าเกาหลีก็มักจะไว้วางใจในส่วนของพล็อตเรื่องที่ทรงพลังได้ดีอยู่แล้ว องค์ประกอบงานสร้างก็น่าพึงพอใจ ได้นักสร้างระดับมืออาชีพที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มาดูได้อย่างสุดปัง และยังอินไปกับน้ำเสียงของพระนางที่ได้ดาราตัวท็อปมาพากย์ให้ชวนเคลิ้ม นี่คือหนังการ์ตูนที่อาจจะไม่ได้แปลกใหม่แต่อิ่มใจได้ดีตลอดทั้งเรื่องเลย