เจ้าหญิงไฮโซ โอละพ่อ (The Princess Diaries) ไม่ใช่แค่หนังโรแมนติกคอมเมดี้สำหรับวัยรุ่นทั่วไป แต่เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความฝัน การค้นพบตัวเอง และการก้าวข้ามผ่านความไม่มั่นใจในแบบที่น่ารักและอบอุ่นหัวใจ กำกับโดย แกรี่ มาร์แชล ผู้สร้างสรรค์ผลงานอมตะอย่าง Pretty Woman และนำแสดงโดย แอน แฮททาเวย์ ในบทบาทแจ้งเกิด ทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นที่จดจำและเป็นที่รักของใครหลายคน
เรื่องราวเริ่มต้นด้วย มีอา เทอร์โมโพลิส (แอน แฮททาเวย์) เด็กสาววัย 15 ปีที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายในซานฟรานซิสโก เธอเป็นคนเนิร์ดๆ ผมฟูๆ ใส่แว่น และมักจะรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองอยู่เสมอ โลกของมีอาต้องพลิกผันไปโดยสิ้นเชิงเมื่อคุณย่าของเธอ คลาริส เรนัลดี (จูลี่ แอนดรูวส์) เดินทางมาปรากฏตัวพร้อมกับข่าวสุดเซอร์ไพรส์ นั่นคือ มีอาเป็นทายาทเพียงคนเดียวของราชวงศ์เจนโนเวีย และเธอคือ เจ้าหญิง ที่แท้จริง!
ความท้าทายของมีอาไม่ใช่แค่การยอมรับความจริงอันน่าเหลือเชื่อนี้ แต่คือการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสาวธรรมดาให้กลายเป็น เจ้าหญิง ที่สง่างามและคู่ควรกับบัลลังก์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณย่าคลาริส ผู้เป็นราชินีที่เข้มงวดและสง่างาม รับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนมารยาทและกิริยาท่าทางแบบราชนิกูลให้มีอา สิ่งที่เราได้เห็นคือความพยายามของมีอาในการปรับตัว ทั้งการเรียนรู้การเดิน การนั่ง การพูดจาที่ถูกต้อง รวมถึงการดูแลบุคลิกภาพภายนอก ตั้งแต่การทำผม แต่งหน้า และเปลี่ยนเสื้อผ้าจากเด็กเนิร์ดเป็นสาวสวย แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนไปภายนอก มีอาก็ยังคงความซุ่มซ่ามและเป็นตัวของตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งนั่นคือเสน่ห์ที่ทำให้เธอแตกต่างและเป็นที่รัก
หนึ่งในจุดเด่นของหนังคือ เคมีที่ลงตัว ระหว่าง แอน แฮททาเวย์ และ จูลี่ แอนดรูวส์ ความสัมพันธ์ของคุณย่าหลานสาวที่เริ่มต้นด้วยความตึงเครียดค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความเข้าใจและความผูกพันที่แน่นแฟ้น คุณย่าคลาริสไม่ได้เป็นเพียงผู้สอน แต่ยังเป็นผู้ที่ผลักดันให้มีอาเชื่อมั่นในคุณค่าของตัวเอง ขณะที่มีอาก็ช่วยละลายความเย็นชาของคุณย่าและนำความสดใสกลับคืนมาให้ราชินีผู้โดดเดี่ยว ตัวละครสมทบอื่นๆ ก็มีสีสันไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนซี้จอมห้าวอย่างลิลลี่ (เฮเธอร์ มาทารัสโซ่) หรือบอดี้การ์ดสุดหล่อที่คอยปกป้องมีอา
เจ้าหญิงไฮโซ โอละพ่อ เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวการเติบโตและการค้นพบตัวตนในแบบที่เข้าถึงใจผู้ชมได้ง่าย มันไม่ได้เน้นแค่ความโรแมนติกอย่างเดียว แต่ยังสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับการยอมรับตัวเอง การกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง และการตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตด้วยความมั่นใจ แม้จะผ่านไปหลายปี หนังเรื่องนี้ก็ยังคงความคลาสสิกและเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กสาวหลายๆ คนที่กำลังค้นหา “เจ้าหญิง” ในตัวของพวกเขาเอง