ได้เวลามาดับร้อนและพักใจไปกับหนังไทยบรรยากาศหนาว ๆ เย็น ๆ กลางความอบอ้าวของฤดูร้อนแบบนี้ใน แก๊งหิมะเดือด Frozen Hot Boys ที่มาพร้อมกับกลิ่นอายการแต่งแต้มแรงบันดาลใจและโอกาสแห่งความฝันของทุกคน ท่ามกลางความดุเดือดเผ็ดร้อนแบบหนังโฟร์คิงส์ฉบับคุกเยาวชน ผนวกเข้ากับความยะเยือกในเทศกาลปั้นหิมะยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่นำมาผูกเข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อเรื่องราวของ ครูชมพู ครูสาวประจำศูนย์ฝึกเยาวชนบ้านเบญจธรรม มีความหวังที่อยากกลับไปเจอหน้าพ่ออีกครั้ง ที่ได้ย้ายไปอยู่เมืองซัปโปโร เธอจึงพยายามโน้มน้าวเหล่าวัยรุ่นนอกคอกในศูนย์ฯ เพื่อให้เข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหิมะที่ญี่ปุ่น ด้วยบททดสอบที่แข็งยิ่งกว่าหิน ยากยิ่งกว่าข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในหมู่วัยรุ่นวัยค้นหาตัวตนที่เฝ้ารอให้ใครสักคนได้มองเห็นคุณค่าที่แอบซ่อนอยู่ในตัวพวกเขาหนังเรื่องนี้เป็นผลงานหนังใหญ่ของผู้กำกับหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง “ธนกฤต กิตติอภิธาน” ที่สั่งสมประสบการณ์ทำหนังสั้นมาหลายปี ที่ได้ “เป้-นฤบดี เวชกรรม” จาก Low Season สุขสันต์วันโสด มารับหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ชั้นดีในการไกด์งานกำกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ เป็นการผสมผสานอรรถรสที่ปนเปนระหว่างประเด็นดรามาและความขบขันแบบไทย ๆ ได้อย่างลงตัว กับจังหวะคารมที่มีกลิ่นอายความเป็นหนังญี่ปุ่นเบา ๆ กับแกลมได้อย่างเอร็ดอร่อย
ถึงแม้ว่า แก๊งหิมะเดือด จะเป็นหนังที่มีลักษณะแบบทีเล่นทีจริงไปสักหน่อย แต่ต้องยอมรับว่าในสูตรสำเร็จของบทหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างมีสตอรี่ที่เข้มแข็งและหนักแน่นดีกว่าหนังไทยหลาย ๆ เรื่องในยุคนี้ด้วยซ้ำ ด้วยความที่หนังมีประเด็นที่ชัดเจนและไม่ได้ซับซ้อนอะไร และยังได้จังหวะการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างสนุกและชวนติดตาม ประเด็นหลักก็ขันแข็งดี ประเด็นรองที่เสริมเข้ามาก็ยังพอถูไถไปได้เคยได้ยินผู้สร้างหนังเรื่องนี้บอกถึงไอเดียคอนเซ็ปต์หนังเรื่องนี้ว่า แค่ฉุกคิดขึ้นคำถามขึ้นมาในใจว่า ทำไมคนไทยถึงไปชนะการแข่งขันแกะสลักหิมะอยู่เรื่อย ๆ ทั้งที่บ้านเราเป็นเมืองร้อน จึงขย้อนกลายออกมาเป็นหนังโครงสร้างของหนังเรื่องนี้ และแทบจะยังไม่หนังไทยเรื่องไหนที่ตีแผ่เรื่องราวความภูมิใจนี้ของคนไทยออกมางานสร้างและโปรดักชันของหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าลงทุนไม่น้อย เพราะพวกเขาได้ยกทีมยกกองไปปักหลักถ่ายทำสถานที่จริงในซัปโปโร พร้อมกับได้ที่ปรึกษาอย่างใกล้ชิดจากทีมแกะสลักน้ำแข็งตัวจริง ที่ทำให้ยูนิตฝั่งญี่ปุ่นออกมาค่อนข้างใช้ได้ทีเดียว ขณะที่งานสร้างยูนิตเมืองไทยก็น่าพอใจเช่นกัน แม้ว่าโลโคชันหลัก ๆ จะเป็นบ้านเยาวชน แต่การเซ็ตฉากและเซ็ตภาพออกมาก็ทำออกมาได้เจิดจรัสสู่เยาว์แก๊งหิมะเดือดแห่งอรุณรุ่ง
อีกจุดไฮไลต์ที่โดดเด่นและสร้างความลงตัวให้ แก๊งหิมะเดือด ก็คงจะเป็นทีมนักแสดงที่ไม่น่าเชื่อว่าลงล็อกลงตัวได้ขนาดนี้ แต้ว ณฐพร ยังคงฉายความเจิดจรัสทางการแสดงของเธอได้เป็นอย่างดี การยืนเป็นตัวหลักที่ช่วยเป็นแกนให้กับแคสติ้งทำออกมาได้ดีและเข้าขากับหนุ่ม ๆ มาก “แบงค์ ณฐวัฒน์” ที่แม้ว่าประสบการณ์อาจจะยังไม่เยอะ แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าบทบาทมาระดับไหนก็สามารถรับบทได้ดี และการเล่นบทดรามาเด็กบ้านแตกก็ดูจะลงตัวเสริมทัพด้วย ตาต้า ชาติชาย, นนท์ ศดานนท์, ปาล์ม ปุณณานนท์ และ เอฟ ปิยพงษ์ ที่พวกเขามาเป็นองค์ประกอบเสริมทางการแสดงที่เหมาะเจาะพอดีให้กับหนังเรื่องนี้ ที่แบ่งความถนัดในการรับบทในบทบาทต่าง ๆ ของแต่ละคนได้อย่างเปล่งปลั่ง เต็มไปด้วยคาแรกเตอร์ที่เด่นชัดและโดดเด่นในตัวเองได้อย่างชัดเจน กลายเป็นทีมที่ค่อนข้างสามัคคีและช่วยกันขับเคลื่อนหนังไปได้อย่างเป็นทีมดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว แก๊งหิมะเดือด Frozen Hot Boys อาจจะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบดีงามที่สุดอะไร แต่อย่างน้อย ๆ หนังก็รู้จักตัวเองอย่างแน่ชัดว่าต้องการเล่าเรื่องอะไรและสื่อสารไปทางไหน บทหนังอาจจะไม่ได้แปลกใหม่ แต่ก็มีเส้นเรื่องที่ชัดเจนดี ที่ทำให้แวดล้อมของหนังขับเคลื่อนไปด้วยในจังหวะที่ลื่นไหล บวกกับคารมและพรสวรรค์ของทีมนักแสดงที่ช่วยให้หนังเอ็นจอยไปได้ดีตลอดทั้งเรื่องนี้ สุดท้ายแล้ว แก๊งหิมะเดือด ก็ไม่ลืมข้อความหลักที่ต้องการจะสื่อสาร ประเด็นมันก็ไม่ต่างไปจากหนังดัง ๆ อย่าง 4Kings แต่ทว่าเรื่องนี้น่าจะมีระดับความเข้มข้นที่ซอฟต์ลงไปหน่อย ใส่ความสดใสไปเพิ่มขึ้นมากกว่าหน่อย อยู่บนพื้นฐานในแวดล้อมเดียวกันด้วยการใช้วิธีเล่าเรื่องนี้อิ่มเอมใจขึ้นกว่า เพราะโอกาสก็คือกุญแจสำคัญในการหยิบยื่นไปสู่ทุก ๆ คน เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่เคยผิดพลาดกันมาก่อนเลย