ต่อเนื่องกับอีกคอนเทนท์ที่เป็นการชุบชีวิตและคืนชีพให้กับตำนานหนังแห่งยุค ที่กลับมาโลดแล่นอีกครั้งตามสูตรสำเร็จ Nostalgia ที่นิยมใช้กันมาก ๆ ในยุคนี้ ก็กลายเป็นการกลับมาอีกครั้งของ Happy Gilmore 2 แฮปปี้ กิลมอร์ 2 หนังตลกวงการกอล์ฟ ที่เคยเป็นหนึ่งในผลงานสร้างชื่อให้กับ อดัม แซนด์เลอร์ ในยุค 90s ที่การคัมแบ็กในรอบเกือบ 30 ปีครั้งนี้ ยังเป็นการกลับมารวมตัวของตำนานแก๊งชายแทร่ต้นกำเนิด Happy Madison ค่ายหนังของอดัมนั่นเองหลังจากที่ตำนานแชมป์ครั้งแรกเรืองรองผ่านไป 29 ปีเต็ม แฮปปี้ กิลมอร์ ได้หวนกลับลงสู่สนามกอล์ฟอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะแขวนไม้อย่างเป็นทางการไปแล้วนับทศวรรษ โดยในครั้งนี้เขากลับมาก็เพื่อหาแรงจูงในการดำรงชีวิตประจำวันเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หนึ่งในนั้นก็คือการหาเงินจ่ายค่าโรงเรียนสอนบัลเลต์ที่ปารีสให้กับเวียนนา ลูกสาวน่ารักน่าเอ็นดูของเขา ที่การปัดฝุ่นวิชาหวดลูกกอล์ฟครั้งนี้ของเขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ในวัฒนธรรมการแข่งขันที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลาอย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้นว่า Happy Gilmore 2 ครั้งนี้ ก็ไม่ต่างกับเป็นหนังรวมญาติครั้งสำคัญของหนังชุดนี้ ที่แน่นอนว่าบางส่วนก็โบยบินขึ้นไปนอนเล่นบนฟ้ากันแล้ว แต่อีกส่วนก็ยังเจิดจ้านแม้ว่าพละกำลังจะอ่อนล้าไปแล้วตามวัย ถ้าหากว่าใครเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเอ็นจอยกับการตามเก็บอีสเตอร์เอ้กแบบรียูเนียนที่สอดแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ที่น่าจะกล้าบอกได้ว่านี่เป็นหนังอีกเรื่องในรอบปีนี้ที่มาการขนกองทัพนักแสดงรับเชิญเอาไว้ได้คับคั่งสุด ๆ เลย
ทีมผู้สร้างก็เป็นคนคุ้นเคยในวงสังคมของอดัม แซนเลอร์ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ไคล์ เนวาเช็ก ที่รู้จักกันดีและร่วมงานกันมายาวนาน ล่าสุดก็เพิ่งจะสร้าง Murder Mystery มาด้วยกัน พร้อมกับได้มือเขียนบทหนังต้นฉบับ ทิม เฮอร์ไลฮีย์ หวนกลับมาปั้นเรื่องราวในภาคต่ออีกครั้ง ร่วมกับ อดัม แซนด์เลอร์ ที่มาช่วยออกแนวความคิดสร้างสรรค์ พ่วงด้วยการแสดงนำและอำนวยการสร้าง เรียกได้ว่าอดัมมาครบทุก ๆ ตำแหน่งในหนังเรื่องนี้อีกเช่นเคยเอาเป็นว่าในแง่งานสร้างสรรค์และองค์ประกอบงานสร้าง ค่อนข้างไว้วางใจทีมผู้สร้างชุดนี้ได้อยู่ เพราถ้าหากว่าคุณเป็นแฟนหนังของ Happy Madison อยู่แล้ว แน่นอนว่ามุกตลกสไตล์ชายแทร่ต่าง ๆ เป็นอะไรที่ต้องเตรียมใจรับมือ มักก็มีหนังมุกปังบ้างและมุกแป้กบ้างปะปนกันไป แต่มุกต่าง ๆ ก็ถือว่ายังกลมกล่อม ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้แต่อย่างใด กลายเป็นการชุบชีวิตให้กับหนังในตำนานเป็นฉบับอัปเกรดออกมาเก๋ ๆ ด้วยหัวใจที่ฟูฟ่อง แม้ว่าจะไม่สามารถคาดหวังอะไรกับบทหนังไม่ได้เท่าไหร่ Happy Gilmore 2 ก็มากับพล็อตตามสูตรของหนังชุบชีวิตของเก่ามาละเลงใหม่ เป็นการทบทวนและสานต่อลมหายใจให้กับตัวละครที่คิดถึงในช่วงเวลาที่ขาดหายไป แต่สูตรสำเร็จของหนังก็ยังค่อนข้างเวิร์กอยู่ ถึงจะสะเปะสะปะไปอยู่บ้าง แต่อย่างน้อย ๆ หนังยังมีเส้นเรื่องที่แข็งแรงและหนักแน่นดี ผนวกเข้ากับลีลาสไตล์หนังของอดัม แซนด์เลอร์ ที่เต็มไปด้วยมุกตลกสัปดน ลามก และจิกกัด แต่น่าประหลาดใจที่มันหยาบโลนน้อยกว่าที่คิดเอาไว้
อดัม แซนด์เลอร์ ก็ยังคงภาคภูมิใจกับการหวนมารับบทเป็นตัวละครที่เคยสร้างชื่อและสร้างตำนานให้กับเขาอยู่ต่อไปในครั้งนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 30 ปี มีแค่เพียงวัยที่โรยราไปเท่านั้นที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไป แต่คาแรกเตอร์นี้ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปโดยปริยาย และความเป็นธรรมชาติของเขาก็ยังรังสรรค์ให้บทนี้ได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไป อาจจะเป็นบทตลกที่ค่อนข้างน่าประทับใจกว่าผลงานในช่วงหลัง ๆ ของเขาอย่างที่บอกเอาไว้ว่า Happy Gilmore 2 เต็มไปด้วยดารารับเชิญแทบจะครึ่งค่อนวงการได้ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะตามไม่ทัน เพราะมันตามไม่ทันแน่ ๆ นอกจากว่าคุณจะเป็นแฟนหนังภาคต้นฉบับมาก่อน ถึงจะเก็ทว่าคนนี้เป็นใคร คนไหนเป็นดารากลับมารับบทเก่าและดาราเสริมเข้ามาใหม่ ทุก ๆ คนมาเป็นสีสันที่กำลังเหมาะเจาะตามสไตล์หนังตลกของ Happy Madison โดยแท้ ไม่ต้องค้นเนื้อหาสาระอะไรให้มาก เพราะทุก ๆ ซีเควนท์ของพวกเขาก็ไม่มีสาระอยู่แล้วแต่นี่ประทับใจสุด ๆ ก็คือการมาของพ่อหนุ่มหน้าคมผมหยิก แบด บันนี่ ที่เข้ามาเสริมเป็นตัวละครใหม่ของภาคนี้ ที่กลายเป็นตัวขโมยซีนได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้าย บทที่คิดว่าจะไม่มีอะไร เขากลับสอดแทรกเสน่ห์เอาไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ รวมทั้งตำนานดาราชุดดั้งเดิม อย่าง คริสโตเฟอร์ แม็คโดนัลด์, จูลี โบเวน และ เบน สติลเลอร์ ก็คือกิมมิกที่ลงตัวในการเข้าเสริมทัพนักแสดงให้หายคิดถึง พร้อมทั้งตัวหนังเองก็ยังสดุดีถึงทีมนักแสดงดั้งเดิมที่ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย