รีวิวหนัง Havoc ฝ่าหายนะครองเมือง งานบู๊สนั่นสันตโรจากตำนานผู้สร้าง The Raid

        การกลับมาของตัวพ่อตัวแด้ดนักสร้างหนังบู๊ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เอาไว้สุดปังเมื่อทศวรรษ เขาหวนคืนมาจับงานระห่ำชิ้นใหญ่ในรอบ 10 ปี อย่าง แกเร็ธ อีแวนส์ กับ Havoc ฝ่าหายนะครองเมือง ที่เป็นการกลับมาทำงานกับเน็ตฟลิกซ์อีกครั้ง มาพร้อมกับการละเลงวิสัยทัศน์ตามหลักสูตรหนังแอคชันระดับอหังการ ที่เชื่อว่าแฟน ๆ ของเขาจะต้องประทับใจแน่นอนวอล์คเกอร์ ตำรวจสายสืบที่กำลังเผชิญหน้ากับความบอบช้ำทางจิตใจยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ต่อสู้ฝ่าฟันกับโลกอาชญากรรมใต้ดินของเมืองใหญ่ที่แสนจะเละเทะ แต่เพียงไม่นานนัก เขาก็พบว่าตัวเขากำลังเป็นเป้าหมายล่าติดตามตัวของพวกคนชั่วแก๊งต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อนตำรวจที่ไม่ไว้วางใจเขาด้วย และเพราะว่าต้องหาทางช่วยเหลือลูกชายนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลของเมือง ก็ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับการคอร์รัปชันและสมคบคิดมากมาย ไม่ต่างกับการประจัญหน้ากับปีศาจแห่งอดีตแกเร็ธ อีแวนส์ ก็คือผู้กำกับที่เคยแจ้งเกิดมาจากหนังแอคชันสุดระห่ำ The Raid ทั้ง 2 ภาค ที่กลายเป็นหนังบู๊นอกสายตาที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และครั้งนี้เขาก็กลับมารับหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังอีกเหมือนเคย พร้อมกับใส่ความดิบเถื่อนทางศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ฝั่งเอเชียที่เขาหลงใหลเป็นอย่างดีในหนังเรื่องนีอีกครั้ง

      ในแง่ขององค์ประกอบงานสร้าง แกเร็ธ รู้ดีว่าแฟน ๆ หนังของเขาต้องการจะเห็นและอยากดูอะไร ทำให้เขาทำการเซอร์วิสออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ นี่คือหนังที่อัดไปด้วยฉากบู๊และการสาดกระสุนในชนิดที่เกือบจะหมดคลังแสง สะท้อนผ่านงานภาพและจังหวะหนังในลักษณะที่เขาช่ำชองเป็นอย่างดี เป็นการออกลีลาบู๊ที่กระฉูดไปด้วยเลือด โหดสุดขั้นแบบไม่ปราณีกระดูกสันหลังแต่กระนั้นในส่วนของโครงสร้างบทหนังของ Havoc อาจจะค่อนข้างไปในทิศทางที่ชวนเบื่อหน่ายไปหน่อย ในหนังเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์และตัวละครเยอะมากมาย ในลักษณะที่มากเกินจำเป็น จนแทบไม่มีพื้นที่ให้ได้ลงรายละเอียดให้กับพวกเขาเลย แม้ว่าแต่ตัวละครพระเอกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหา แต่บทหนังก็ละเมียดออกมาได้ยังไม่ค่อยถึงจุดที่ควรจะเป็นจุดอ่อนที่สุดของ Havoc ก็คงจะเป็นพล็อตเรื่องที่พยายามจะแต่งเติมความเข้มข้นจัดจ้านในวงการอาชญากรรมใต้ดิน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กลายเป็นว่าทิศทางของบทหนังยังแข็งแกร่งไม่เพียงพอ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ความเป็นเอเชียในแบบที่เขาถนัดมือกับการละเลงงานสร้างของเขาอยู่นั่นเอง

        และนั่นก็พลอยทำให้ทีมนักแสดงที่ดึงมาใช้บริการในหนังเรื่องนี้ก็ค่อนข้างขาดมิติไปอย่างน่าเสียดาย บางคนเป็นถึงนักแสดงระดับรางวัลออสการ์ แต่ต้องมาอยู่ในหนังที่ไม่มีจังหวะได้ปล่อยพลังทางการแสดงได้เลย ทอม ฮาร์ดี้ อาจจะเป็นคนที่ซีนเยอะที่สุดในหนังเรื่องนี้ แต่ทว่าบทหนังไม่ส่งเสริมคาแรกเตอร์ของเขาได้ดีนัก เขาจึงมาทำหน้าที่แค่ฟาดฟันและออกลีลาบู๊ในแบบที่เราประทับใจตามสูตรบทบาทนี้ค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องนี้กลายเป็น “เจสซี เมอิ ลี” กับบทตำรวจหญิงเชื้อสายเอเชีย ที่เสน่ห์ของเธอเอาได้อยู่หมัดกับบทบาทที่เธอได้รับ ถึงจะไม่ได้มีซีนเยอะ แต่ทุกซีนที่เห็นเธอออกมาก็ค่อนข้างชวนประทับใจ หนังยังมี “ฟอร์เรสต์ วิเธเกอร์” ดาราเจ้าของออสการ์ ที่เอาจริง ๆ ไม่ต้องเรียกตัวเขามารับบทนี้ก็ได้ เพราะเป็นบทที่แทบไม่มีตื้นลึกหนาบางอะไรเท่าไหร่ ร่วมด้วย “ทิโมธี โอลิมแพน”, “กอร์ดอน อเล็กซานเดอร์” และ “จอห์น คัมมินส์” ที่ร่วมสมทบดังนั้นโดยภาพรวม Havoc ฝ่าหายนะครองเมือง ก็จัดว่าเป็นหนังแอคชันจากฝีมือผู้กำกับแกเร็ธที่หวนกลับมาเซอร์วิสแฟน ๆ ได้อย่างถึงอารมณ์ แม้ว่าในแง่ของบทหนังและพล็อตเรื่องจะไม่ได้เข้มข้น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยรอยพรุนพอ ๆ กับกระสุนที่ใช้ไปตลอดทั้งเรื่องนี้ แต่ก็ยังเป็นหนังที่ตอบโจทย์คอหนังบู๊ได้อยู่ แม้ว่าสตอรี่จะยังค่อนข้างอ่อนปวกเปียกไปสักหน่อย

 

Scroll to Top