Diablo

เปิดแผนที่ Sanctuary สำรวจโลกใหม่ใน Diablo IV

หลังจากรอคอยกันมายาวนาน Diablo IV ก็ได้เปิดโลกแห่ง Sanctuary ให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่ทั้งมืดหม่น ลึกลับ และเต็มไปด้วยอันตรายอีกครั้ง หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของเกมภาคนี้ คือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำเสนอโลกในเกม จากแผนที่แบบแยกโซน มาเป็นโลกแบบ Open World ที่ต่อเนื่องกันอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของซีรีส์ Diablo

Diablo IV

โลกที่กว้างใหญ่และเชื่อมต่อกัน

Sanctuary ใน Diablo IV ถูกออกแบบให้มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่าภาคก่อน ๆ อย่างชัดเจน แบ่งออกเป็น 5 ภูมิภาคหลัก ได้แก่ Scosglen, Fractured Peaks, Dry Steppes, Hawezar, และ Kehjistan แต่ละภูมิภาคมีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ป่าเขียวชอุ่ม พื้นที่ภูเขาหิมะ ทะเลทรายแห้งแล้ง ไปจนถึงหนองน้ำเน่าเหม็น การออกสำรวจแต่ละพื้นที่จึงให้ความรู้สึกที่ไม่ซ้ำซาก พร้อมทั้งเต็มไปด้วยศัตรูเฉพาะถิ่น เควสเนื้อเรื่อง และเหตุการณ์สุ่มต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกแบบเรียลไทม์ การเดินทางมีระบบม้าให้ใช้งาน ช่วยให้การสำรวจทำได้คล่องตัวขึ้น และยังมีระบบ Waypoint สำหรับวาร์ประหว่างเมืองต่าง ๆ ที่ปลดล็อคได้เมื่อผู้เล่นเดินทางไปถึง

เมืองและจุดศูนย์กลางของแต่ละโซน

ในแต่ละภูมิภาคจะมีเมืองหลักหรือ Settlement ที่ผู้เล่นสามารถใช้เป็นจุดพักฟื้น ซื้อขายอุปกรณ์ อัปเกรดไอเท็ม หรือรับเควสเสริมได้ เช่น Kyovashad ใน Fractured Peaks ซึ่งเป็นเมืองแรกที่ผู้เล่นจะได้พบเมื่อเริ่มเกม บรรยากาศของเมืองต่าง ๆ มีความเฉพาะตัว และเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ช่วยเสริมความลึกของโลก Sanctuary บางพื้นที่ยังมี Stronghold หรือฐานที่ถูกศัตรูยึดครอง ผู้เล่นสามารถเข้าไปปราบศัตรูเพื่อยึดคืน และปลดล็อคพื้นที่นั้นให้กลายเป็นเมืองหรือจุดทำกิจกรรมใหม่ ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกของการมีอิทธิพลต่อโลกในเกม

Diablo IV

ระบบกิจกรรมใน Open World

โลกของ Sanctuary ไม่ได้มีแค่เควสหลัก แต่ยังเต็มไปด้วย กิจกรรม Open World เช่น World Event ที่สามารถเจอได้แบบสุ่มระหว่างเดินทาง เช่น การช่วยเหลือ NPC ต่อสู้กับคลื่นศัตรู หรือทำภารกิจร่วมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมี World Boss ขนาดมหึมา ที่ต้องอาศัยผู้เล่นหลายคนช่วยกันล้ม เป็นกิจกรรมที่ท้าทายและให้ของรางวัลล้ำค่า แม้จะเป็นเกมแนวแอ็กชัน RPG แบบดั้งเดิม แต่ระบบ Open World นี้ช่วยให้ มีความรู้สึก “เป็นโลกจริง” มากขึ้น มีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลง และเต็มไปด้วยเรื่องราวที่รอให้ค้นพบ

การเล่าเรื่องผ่านสภาพแวดล้อม

อีกหนึ่งจุดแข็งของ Diablo IV คือการใช้ “โลก” ในการเล่าเรื่อง แทนที่จะอาศัยแต่บทสนทนาและคัตซีน ผู้เล่นจะพบซากศพที่บอกใบ้อดีตอันโหดร้าย หมู่บ้านที่ถูกสังหารหมู่ เหล่าผีที่ร่ำไห้อยู่ในซากปรักหักพัง ทุกอย่างสะท้อนถึงความสิ้นหวัง ความหวาดกลัว และการดิ้นรนของผู้คนในโลกที่เทพเจ้าหมดความเมตตา นอกจากนี้ยังมี Lore Fragment หรือหนังสือ/โน้ตที่กระจายอยู่ตามแผนที่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เล่นได้เข้าใจประวัติศาสตร์ของแต่ละพื้นที่และตัวละครสำคัญในเกมมากยิ่งขึ้น

 

โลกของ Sanctuary ไม่ได้เป็นเพียงฉากหลังของการต่อสู้กับปีศาจเท่านั้น แต่เป็น “ตัวละครหลัก” ตัวหนึ่งที่มีชีวิต มีเรื่องราว และตอบสนองต่อการกระทำของผู้เล่นได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการออกแบบโลกแบบเปิด การวางเควสที่มีมิติ และการเชื่อมโยงสภาพแวดล้อมเข้ากับเนื้อเรื่อง ทำให้การสำรวจ Sanctuary ในภาคนี้เป็นประสบการณ์ที่สมบูรณ์และเข้มข้นอย่างแท้จริง

Scroll to Top