เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับผม ที่เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ หนังเรื่อง The Killing กำกับโดยสแตนลีย์ คูบริคเพิ่งมาลงใน prime video บนเส้นทางอาชีพยาวนาน 48 ปี สแตนลีย์ คูบริค กำกับหนังเพียงแค่ 16 เรื่อง ถือว่าน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับชื่อเสียง ความยิ่งใหญ่ และความสำเร็จที่เขาได้รับ รวมถึงสถานะผู้กำกับระดับปรมาจารย์คนสำคัญของโลกภาพยนตร์
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือ ผลงานของเขาขึ้นหิ้งคลาสสิกมากถึง 10 เรื่อง ไม่นับหนังสั้น 3 เรื่อง และหนังยาว 2 เรื่องในยุคต้นๆ ซึ่งคูบริคทำขึ้นช่วงที่ยังเป็นมือใหม่เพิ่งเข้าวงการ มีเพียง Eye Wide Shut ผลงานชิ้นสุดท้ายในปี 1999 เท่านั้น ที่เสียงตอบรับก้ำกึ่ง (ค่อนข้างไปทางบวก) และยังต้องรอเวลาเป็นบทพิสูจน์ (ดังเช่นงานหลายเรื่องของคูบริค ซึ่งล้มเหลวเรื่องคำวิจารณ์เมื่อแรกออกฉาย แต่ค่อยๆ เป็นที่ยกย่องในเวลาต่อมา)
นับจาก The Killing หนังยาวเรื่องที่ 3 ซึ่งสร้างและออกฉายปี 1956 ผลงานของคูบริคอีก 9 เรื่องหลังจากนั้นเกือบจะกล่าวได้ว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซล้วนๆ และที่น่าทึ่งยิ่งขึ้นไปอีกคือเขาทำหนังแทบไม่ซ้ำแนวเดิม ครอบคลุมเกือบทุกประเภท ทั้งหนังวิทยาศาสตร์ไซ-ไฟ, หนังตลกร้ายเสียดสี, หนังสงคราม, หนังพีเรียดย้อนยุค, หนังจินตนาการถึงโลกอนาคตแนวดิสโทเปีย, หนังสยองขวัญ ฯลฯ
ท่ามกลางรูปโฉมภายนอก ซึ่งหนังทุกเรื่องผิดแปลกแตกต่างกัน และเต็มไปด้วยความหลากหลาย สแตนลีย์ คูบริคก็เป็นคนทำหนังที่มีเอกลักษณ์เด่นชัดในทางศิลปะ จนสามารถพิจารณาผลงานของเขาในฐานะที่เป็น Auteur (เป็นศัพท์มาจากฝรั่งเศส อ่านออกเสียงว่า ‘ออเตอร์’ ความหมายตรงๆ คือผู้ประพันธ์หรือคนแต่ง)
คำศัพท์ Auteur ได้รับการนำมาใช้ในแวดวงภาพยนตร์ โดย อังเดร บาแซง นักวิจารณ์และนักทฤษฎีทางภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศส เสนอความคิดไว้ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 ว่า ในหนังแต่ละเรื่อง ผู้ที่สมควรมีบทบาทสำคัญสุด และเป็น ‘เจ้าของผลงาน’ ที่แท้จริง ไม่ควรจะเป็นสตูดิโอ นักเขียน (ในกรณีที่หนังนำวรรณกรรมมาดัดแปลง) หรือพลังของดาราดัง แต่ควรจะเป็นผู้กำกับ
แนวคิดนี้พัฒนาจนกลายเป็นทฤษฎีการวิจารณ์หนังแบบ Auteur theory โดยมีกลุ่มคนหนุ่มรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ในนิตยสาร Cahiers du Cinéma อาทิ ฟร็องซัวส์ ทรุฟโฟต์, ฌอง ลุค โกดารด์, เอริค โรห์แมร์, โคลด ชาโบรล ซึ่งต่อมากลายเป็นผู้กำกับหนังคนสำคัญในกลุ่ม ‘คลื่นลูกใหม่ฝรั่งเศส’ (French New Wave) พากันขานรับแนวความคิดนี้ และนำไปใช้ในทางปฏิบัติ จนกระทั่งแพร่หลายเป็นที่ยอมรับในวงกว้างมาจนถึงปัจจุบัน