Bugonia บูโกเนีย

รีวิวหนัง “Bugonia บูโกเนีย” สุดโต่งบรรเจิดกับภารกิจพิทักษ์โลก..แบบพี่ยอร์กอส

รีวิวหนัง “Bugonia บูโกเนีย” สุดโต่งบรรเจิดกับภารกิจพิทักษ์โลก..แบบพี่ยอร์กอส โอ๊ยยย.. จะบอกว่านี่ไม่ใช่หนังธรรมดา! ถ้าคุณเป็นแฟนของ ยอร์กอส แลนติมอส (ผู้กำกับที่ทำหนังประหลาดแต่ลึกอย่าง Poor Things, The Favourite, หรือ The Lobster) คุณจะรู้ว่าการเข้าไปดูหนังของเขาคือการเตรียมตัวไปเจออะไรที่มัน “ไม่ปกติ” และ “บ้าบอคอแตก” แต่ในขณะเดียวกันก็ “คมคาย” จนเจ็บจี๊ด”Bugonia” ก็คืออีกหนึ่งผลงานที่พาคนดูดำดิ่งสู่ความสุดโต่งในแบบที่พี่ยอร์กอสถนัด หนังเรื่องนี้เป็นการหยิบเอาหนังเกาหลีคัลท์ปี 2003 อย่าง Save the Green Planet! มาทำใหม่ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ แต่ใส่ลายเซ็นความแปลกประหลาดและความเสียดสีสังคมแบบจัดเต็มเข้าไป

 

พล็อตเรื่องสุดปั่นที่เริ่มต้นด้วยการลักพาตัว

เรื่องราวเริ่มต้นจากความเชื่อที่ “ไม่เข้าท่า” ของ เท็ดดี้ (รับบทโดย เจสซี พลีมอนส์ ที่เล่นบทคนสติแตกได้อย่างน่าขนลุก) หนุ่มเลี้ยงผึ้งที่คลั่งไคล้ทฤษฎีสมคบคิดจนเข้าเส้น เขากับลูกพี่ลูกน้อง ดอน (เอแดน เดลบิส) เชื่อสุดใจว่า มิเชล ฟูลเลอร์ (รับบทโดยมิวส์คู่บุญ เอ็มมา สโตน) CEO ของบริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นมนุษย์ต่างดาวที่กำลังจะทำลายโลกภารกิจพิทักษ์โลกของสองหนุ่มจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการ ลักพาตัว CEO ผู้ทรงอิทธิพลคนนี้มาขังไว้ในห้องใต้ดิน แล้วพยายาม “เค้นความจริง” เพื่อเจรจากับยานแม่ให้ยกเลิกแผนทำลายล้าง… ฟังดูตลกเฝื่อนใช่ไหมล่ะ? แต่นี่แหละคือสนามเด็กเล่นของพี่ยอร์กอส!

 

💡 การตีความสังคมและ “ความเชื่อ” ในยุคดิจิทัล

สิ่งที่ทำให้ Bugonia น่าสนใจมาก ไม่ใช่แค่พล็อตที่ประหลาด แต่คือการที่หนังใช้ความ “บ้าคลั่ง” นี้เป็นกระจกสะท้อนสังคมยุคปัจจุบันที่เราอยู่

  • เรื่องเล่าที่กลายเป็นจริง: ในยุคที่ข่าวจริงกับข่าวปลอมแยกกันยาก โลกที่ทุกคนสามารถสร้าง “ความจริง” ของตัวเองบนอินเทอร์เน็ตได้ หนังพาเราไปสำรวจว่า “ความเชื่อ” ที่สุดโต่งของคนธรรมดาคนหนึ่งสามารถนำไปสู่การกระทำที่รุนแรงและเหลือเชื่อได้อย่างไร
  • การเสียดสีอำนาจ: มิเชล ฟูลเลอร์ CEO ผู้เย่อหยิ่งและเย็นชา เป็นสัญลักษณ์ของ อำนาจทุนนิยม ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ เธอถูกจับตัวมาเพราะถูกมองว่าเป็น “ผู้ทำลาย” ที่แท้จริงของโลก (ไม่ว่าจะในนามของเอเลี่ยนหรือบริษัท) การแสดงของ เอ็มมา สโตน ในบทนี้คือที่สุด เธอทั้งดูสง่างาม น่าสงสาร และเย็นชาจนไม่รู้ว่ากำลังสู้กับมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกกันแน่
  • ความตลกที่แสนมืดมิด: เอกลักษณ์ของพี่ยอร์กอสคือการสร้างสถานการณ์ที่ดูตลกโปกฮา (Black Comedy) แต่เต็มไปด้วยความอึดอัดและโหดร้ายทางอารมณ์ คุณอาจจะหัวเราะพรืดกับความเพี้ยนของตัวละคร แต่พอลองคิดตามจะรู้สึกหน่วงและกังวลในความไร้เหตุผลของมนุษย์

 

🎭 การแสดงที่ไร้ที่ติ และทิศทางสุดบรรเจิด

เจสซี พลีมอนส์ กับ เอ็มมา สโตน คือการปะทะกันทางอารมณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก พลีมอนส์ทำให้เท็ดดี้เป็นคนที่คุณทั้งสงสารและรังเกียจไปพร้อมกัน ส่วนสโตนก็แบกรับบทที่ท้าทายนี้ได้อย่างไม่มีที่ติ โดยเฉพาะฉากที่เธอต้องสื่อสารผ่านความเงียบหรือแววตา มันทำให้เราตั้งคำถามตลอดเวลาว่า ตกลงแล้วเธอมัน “มนุษย์” หรือ “เอเลี่ยน” กันแน่?ด้านงานภาพก็เป็นไปตามสไตล์ที่คุ้นเคย ภาพที่คมชัด สีสันที่ฉูดฉาด และ มุมกล้องที่ดูแปลกประหลาด มันช่วยเสริมบรรยากาศของความประหลาดและความไม่น่าไว้วางใจให้พุ่งสูงขึ้นไปอีก

 

บทสรุป: Bugonia

ไม่ได้เป็นหนังที่ย่อยง่าย แต่มันเป็นประสบการณ์ที่ ต้องดู ถ้าคุณชอบหนังที่ท้าทายคนดู หนังที่กล้าตั้งคำถามใหญ่ๆ เกี่ยวกับความศรัทธา ความหวาดระแวง และหายนะของโลกในยุคที่เราเป็นอยู่ หนังเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้สึก ปั่นป่วน สงสัย และ คิดต่อ ไปอีกนานหลังเครดิตจบลง มันไม่ใช่หนัง “พิทักษ์โลก” แบบฮอลลีวูด แต่เป็น “บทกวีเสียดสีโลก” ในแบบที่ ยอร์กอส แลนติมอส เท่านั้นที่จะทำได้ถ้าใจคุณพร้อมจะรับความแปลกและหลุดโลก นี่คือหนังที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!

 

Scroll to Top