หนัง

หนัง

หนัง

รีวิวหนัง Yadang The Snitch ทรชนคนสองหน้า

     เฉือนคมละมุน ขบขันบรรเจิด เกิดเป็นความปังบ่อยครั้งที่ความบันเทิงของหนังฝั่งเกาหลี มักจะมาในรูปแบบที่แฝงด้วยประเด็นอาชญากรรม ที่ทำให้ความหนักหน่วงในประเด็นเดือด ๆ ดูผ่อนคลายความระอุลงได้ กลายเป็นอีกหนึ่งสูตรที่ประสบความสำเร็จบ่อย ๆ ในแง่หนังแอคชันตลกจากแดนกิมจิในสมัยนี้ และ Yadang The Snitch ทรชนคนสองหน้า ก็คือหนังจากโคเรียนเรื่องล่าสุดที่พกความทะเล้นสุดขึงขังนี้มาตีไข่และตอบโจทย์ให้กับแฟน ๆ ได้บันเทิงกันอย่างถ้วนหน้าอีกังซู อาชญากรหนุ่มต้องโทษได้รับข้อเสนอจากอัยการ กูกวันฮี ให้เขาเป็นยาดังให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับการลดโทษที่เขาต้องชดใช้อยู่ เขาจึงรับข้อเสนอและชีวิตในการเป็นยาดังของเขาก็รุ่งโรจน์ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ทำให้ โอซางแจ เจ้าหน้าที่สายสืบหน่วยปราบปรามยาเสพติดไม่ค่อยพอใจกับวิธีการนี้ เพราะทำให้แนวทางการสืบสวนของเขาเผชิญหน้ากับความล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ทำให้เขาเริ่มที่จะขุดคุ้ยความโยงใยในสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างอัยการหนุ่มและยาดังตัวจี๊ด ว่าจริง ๆ แล้วมันมีอะไรแอบซ่อนอยู่กันแน่หนังเป็นผลงานล่าสุดของนักแสดงตัวประกอบและตัวขโมยซีนในหนังเกาหลีดัง ๆ หลายเรื่อง อย่าง “ฮวังบยองกุก” ที่ถือว่าห่างหายไปจากการจับงานสร้างหนังไปกว่า 10 ปี เพราะเหมือนประชดที่เป็นผู้กำกับแล้วไม่ค่อยรุ่ง ทำให้หลังจากที่เคยสร้างหนังบู๊ SIU ฉายในปี 2011 เป็นต้นมา เขาก็หันมาเอาดีกับการแสดงอยู่หน้ากล้องแทน มีผลงานเป็นบทสมทบเล็ก ๆ ใน Veteran, Tunnel หรือ V.I.P. กว่าจะเรียกความมั่นใจให้กับมาสร้างหนังได้อีกครั้ง […]

No Time to Die
หนัง

รีวิวหนังเรื่อง No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ

พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die ถือเป็นบทสรุปสุดยิ่งใหญ่ของสายลับ 007 ที่รับบทโดย แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ที่แฟนหนังเจมส์ บอนด์ทั่วโลกต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ หนังภาคนี้กำกับโดย แครี่ โจจิ ฟูกุนากะ (Cary Joji Fukunaga) และเป็นภาคที่มีความยาวมากที่สุดในแฟรนไชส์บอนด์ นับตั้งแต่เริ่มต้นมา เรื่องราวเริ่มต้นหลังจากเหตุการณ์ในภาค Spectre เมื่อเจมส์ บอนด์ตัดสินใจวางมือจากชีวิตสายลับและใช้ชีวิตอย่างสงบในจาไมกา แต่แล้วอดีตอันแสนอันตรายก็ตามหลอกหลอน เมื่อเฟลิกซ์ ไลเตอร์ (Jeffrey Wright) เพื่อนเก่าจาก CIA มาขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตามหานักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไป ภารกิจที่ดูเหมือนจะง่ายกลับพาเขาเข้าไปพัวพันกับวายร้ายคนใหม่ที่ชื่อ ซาฟิน (รับบทโดย รามี่ มาเลค) ผู้มีแผนร้ายระดับโลกและเชื่อมโยงกับอาวุธชีวภาพอันตราย จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือความเชื่อมโยงกับภาคก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับ แมเดอลีน สวอนน์ (Léa Seydoux) คนรักเก่าที่มีอดีตลึกลับ รวมถึงองค์กร Spectre ที่ยังคงตามหลอกหลอนบอนด์ การดำเนินเรื่องแม้จะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง

Sing Street
หนัง

รีวิวหนังSing Street

Sing Street เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังเพลงทั่วไป แต่เป็นงานที่ผสมผสานความฝัน ความรัก วัยรุ่น และเสียงเพลงเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว กลายเป็นหนัง coming-of-age ที่ตราตรึงใจผู้ชมอย่างไม่น่าเชื่อ กำกับโดย จอห์น คาร์นีย์ ผู้ที่เคยฝากผลงานสุดประทับใจไว้อย่าง “Once” และ “Begin Again” ซึ่งการันตีได้ถึงความสามารถในการเล่าเรื่องผ่านบทเพลงที่เขาถนัด ภาพยนตร์เล่าย้อนกลับไปในปี 1985 ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำและผู้คนต้องดิ้นรน ฟอร์กี้ (แสดงโดย เฟอร์เดีย วอลช์-พีโล) เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ต้องย้ายจากโรงเรียนเอกชนมาเรียนที่โรงเรียนรัฐบาลคาทอลิกสุดห่วย ด้วยสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยการกลั่นแกล้ง ฟอร์กี้พบหนทางที่จะรอดพ้นจากความจริงอันน่าเบื่อหน่ายด้วยการตกหลุมรัก ราฟิน่า (แสดงโดย ลูซี่ บอยน์ตัน) สาวสวยลึกลับที่ดูโตเกินวัย ด้วยความอยากได้เบอร์โทรศัพท์และสร้างความประทับใจ ฟอร์กี้จึงโกหกว่าเขามีวงดนตรีและชวนเธอมาแสดงในมิวสิควิดีโอ จากคำโกหกเล็กๆ นี้เอง กลับกลายเป็นการเริ่มต้นของวงดนตรี Sing Street วงดนตรีที่รวมตัวกันของเด็กหนุ่มผู้มีความฝันหลากหลาย ฟอร์กี้ได้รับความช่วยเหลือจากพี่ชาย จิม (แสดงโดย แจ็ค เรย์นอร์) ผู้ที่มอบแรงบันดาลใจและเป็นเหมือนพี่เลี้ยงด้านดนตรีให้กับเขา บทเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นมาไม่ได้เป็นเพียงแค่เพลงรักทั่วไป แต่มันสะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิด ปัญหาชีวิต และความปรารถนาของวัยรุ่นในยุคนั้นได้อย่างลึกซึ้ง เราได้เห็นพัฒนาการของวงดนตรีที่เริ่มจากการเลียนแบบศิลปินที่ชื่นชอบ ไปสู่การค้นพบสไตล์และเสียงเพลงที่เป็นของตัวเอง จุดเด่นของ Sing Street ไม่ได้อยู่ที่แค่เพลงประกอบที่ไพเราะติดหูเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทของตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างมีมิติ โดยเฉพาะตัวของฟอร์กี้ ที่ผู้ชมจะได้เอาใจช่วยกับการเดินทางของเขาในการค้นหาตัวเอง การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และการเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ รวมถึงความสัมพันธ์กับราฟิน่า ที่เป็นเหมือนแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ฟอร์กี้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง นอกจากนี้ การนำเสนอเรื่องราวของครอบครัวที่แตกร้าวในยุคนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ภาพยนตร์มีความสมจริงและเข้าถึงอารมณ์มากขึ้น เพลงประกอบภาพยนตร์ทุกเพลงล้วนถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่เพื่อ Sing Street โดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละเพลงก็มีความหลากหลายทางแนวเพลง ตั้งแต่เพลงร็อก ป็อป ไปจนถึงนิวเวฟ ที่ได้รับอิทธิพลจากวงดนตรีในยุค 80s อย่าง Duran Duran, The Cure หรือ A-Ha เพลงเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เพลงที่มาประกอบฉาก แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องที่ขับเคลื่อนอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ร่วมเดินทางไปกับพวกเขาในทุกช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความเศร้า หรือความผิดหวัง โดยสรุปแล้ว Sing Street เป็นภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบในหลายๆ ด้าน ทั้งบทภาพยนตร์ที่แข็งแรง การแสดงที่น่าประทับใจ ดนตรีประกอบที่ยอดเยี่ยม และการกำกับที่ใส่ใจในรายละเอียด ถือเป็นภาพยนตร์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ชมทุกคนที่เคยมีความฝัน ไม่ว่าความฝันนั้นจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม มันทำให้เราเชื่อว่าเสียงเพลงสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตและนำพาเราไปสู่สิ่งที่เราต้องการได้ เป็นหนังที่ควรค่าแก่การรับชมและเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแน่นอน

หนัง

รีวิว Spider Man ฮีโร่ข้างบ้านผู้เปลี่ยนโลกภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร

หนังที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ไอ้แมงมุม ถือเป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจคนดูทั่วโลก ที่มีเรื่องราวที่ทั้งเข้าถึงง่ายและตราตรึงใจเสมอ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย Spider Man ก็ยังครองใจแฟนๆไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่เริ่มต้นจากไตรภาคของผู้กำกับ Sam Raimi นำแสดงโดย Tobey Maguire ในบทปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ นักเรียนหนุ่มธรรมดาที่ชีวิตเปลี่ยนไปหลังถูกแมงมุมกัมมันตรังสีต่อย เนื้อเรื่องหลักของ Spider-Man ฉบับต้นฉบับนั้นเรียบง่ายแต่น่าติดตาม เป็นเรื่องของเด็กหนุ่มที่ต้องรับผิดชอบกับพลังพิเศษที่ได้รับมา ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ไม่ได้เป็นแค่เด็กเนิร์ดธรรมดาอีกต่อไป เขาต้องเรียนรู้ว่าพลังอันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง (With great power comes great responsibility) ซึ่งกลายเป็นวลีอมตะของแฟนหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั่วโลก ฉากการเปลี่ยนผ่านจากชีวิตเด็กมัธยมธรรมดาไปสู่ชีวิตฮีโร่ของปีเตอร์เป็นสิ่งที่หนังถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก ความขัดแย้งในใจระหว่างการเป็นฮีโร่กับการรักษาชีวิตส่วนตัวก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้คนดูรู้สึกอินและเข้าใจความยากลำบากของตัวละคร ช่วงเวลาที่ปีเตอร์ต้องเสียลุงเบนไปก็เป็นหนึ่งในซีนที่เศร้าและสะเทือนใจมากที่สุดในประวัติศาสตร์หนังซูเปอร์ฮีโร่ ในด้านของงานโปรดักชัน Spider-Man เวอร์ชั่นปี 2002 นับว่าล้ำสมัยในยุคนั้น เอฟเฟกต์การเหวี่ยงใยกลางมหานครนิวยอร์กทำออกมาได้อย่างสมจริง ฉากแอ็กชันเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น โดยเฉพาะฉากไคลแมกซ์ต้องปะทะกับ Green Goblin วายร้ายคนสำคัญที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับตัวปีเตอร์เองแบบซับซ้อน นอกจากเวอร์ชั่นของ Sam Raimi แล้วยังถูกสร้างใหม่ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น The Amazing ที่รับบทโดย Andrew

หนัง

รีวิวหนัง Havoc ฝ่าหายนะครองเมือง งานบู๊สนั่นสันตโรจากตำนานผู้สร้าง The Raid

        การกลับมาของตัวพ่อตัวแด้ดนักสร้างหนังบู๊ที่เคยสร้างปรากฏการณ์เอาไว้สุดปังเมื่อทศวรรษ เขาหวนคืนมาจับงานระห่ำชิ้นใหญ่ในรอบ 10 ปี อย่าง แกเร็ธ อีแวนส์ กับ Havoc ฝ่าหายนะครองเมือง ที่เป็นการกลับมาทำงานกับเน็ตฟลิกซ์อีกครั้ง มาพร้อมกับการละเลงวิสัยทัศน์ตามหลักสูตรหนังแอคชันระดับอหังการ ที่เชื่อว่าแฟน ๆ ของเขาจะต้องประทับใจแน่นอนวอล์คเกอร์ ตำรวจสายสืบที่กำลังเผชิญหน้ากับความบอบช้ำทางจิตใจยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ต่อสู้ฝ่าฟันกับโลกอาชญากรรมใต้ดินของเมืองใหญ่ที่แสนจะเละเทะ แต่เพียงไม่นานนัก เขาก็พบว่าตัวเขากำลังเป็นเป้าหมายล่าติดตามตัวของพวกคนชั่วแก๊งต่าง ๆ รวมทั้งเพื่อนตำรวจที่ไม่ไว้วางใจเขาด้วย และเพราะว่าต้องหาทางช่วยเหลือลูกชายนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลของเมือง ก็ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับการคอร์รัปชันและสมคบคิดมากมาย ไม่ต่างกับการประจัญหน้ากับปีศาจแห่งอดีตแกเร็ธ อีแวนส์ ก็คือผู้กำกับที่เคยแจ้งเกิดมาจากหนังแอคชันสุดระห่ำ The Raid ทั้ง 2 ภาค ที่กลายเป็นหนังบู๊นอกสายตาที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และครั้งนี้เขาก็กลับมารับหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังอีกเหมือนเคย พร้อมกับใส่ความดิบเถื่อนทางศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ฝั่งเอเชียที่เขาหลงใหลเป็นอย่างดีในหนังเรื่องนีอีกครั้ง       ในแง่ขององค์ประกอบงานสร้าง แกเร็ธ รู้ดีว่าแฟน ๆ หนังของเขาต้องการจะเห็นและอยากดูอะไร ทำให้เขาทำการเซอร์วิสออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ นี่คือหนังที่อัดไปด้วยฉากบู๊และการสาดกระสุนในชนิดที่เกือบจะหมดคลังแสง สะท้อนผ่านงานภาพและจังหวะหนังในลักษณะที่เขาช่ำชองเป็นอย่างดี เป็นการออกลีลาบู๊ที่กระฉูดไปด้วยเลือด โหดสุดขั้นแบบไม่ปราณีกระดูกสันหลังแต่กระนั้นในส่วนของโครงสร้างบทหนังของ Havoc อาจจะค่อนข้างไปในทิศทางที่ชวนเบื่อหน่ายไปหน่อย ในหนังเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์และตัวละครเยอะมากมาย ในลักษณะที่มากเกินจำเป็น จนแทบไม่มีพื้นที่ให้ได้ลงรายละเอียดให้กับพวกเขาเลย แม้ว่าแต่ตัวละครพระเอกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยมิติที่น่าค้นหา

 Journey 2 
หนัง

รีวิวหนัง Journey 2

Journey 2: The Mysterious Island พาผู้ชมดำดิ่งสู่การผจญภัยอันน่าตื่นเต้นในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และอันตราย ถือเป็นภาคต่อของ Journey to the Center of the Earth ที่ยังคงเอกลักษณ์ของภาพยนตร์แนวผจญภัยสำหรับครอบครัวไว้อย่างครบถ้วน เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ฌอน แอนเดอร์สัน (รับบทโดย จอช ฮัทเชอร์สัน) พระเอกของเราในภาคแรก ได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เข้ารหัสจากเกาะลึกลับที่ไม่เคยปรากฏบนแผนที่ใดๆ ด้วยความกระหายในการผจญภัยและหวังว่าจะได้พบคุณปู่ อเล็กซานเดอร์ แอนเดอร์สัน (รับบทโดย ไมเคิล เคน) ที่หายสาบสูญไป ฌอนจึงชักชวน แฮงค์ พาร์สันส์ (รับบทโดย ดเวย์น “เดอะร็อก” จอห์นสัน) พ่อเลี้ยงของเขาที่เพิ่งจะเข้ามาในชีวิตให้ร่วมเดินทางในภารกิจค้นหาครั้งนี้ การเดินทางของพวกเขาเริ่มต้นที่ปาเลาและต้องอาศัยเฮลิคอปเตอร์นำทางโดย กาบาโท (รับบทโดย หลุยส์ กุซมาน) และลูกสาวคนสวยของเขา ไคแลนี่ (รับบทโดย วาเนสซ่า ฮัดเจนส์) ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าเฮลิคอปเตอร์ การเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและพายุลูกใหญ่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาตกลงบนเกาะแห่งนั้น ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น พวกเขาก็พบว่าเกาะแห่งนี้คือสถานที่ที่ ฌูล แวร์น นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่เคยจินตนาการไว้ในนวนิยายชื่อดังของเขา มันเป็นโลกที่กลับตาลปัตร สิ่งมีชีวิตตัวเล็กกลับกลายเป็นยักษ์ และสัตว์ตัวใหญ่กลับมีขนาดจิ๋ว ทุกอย่างดูเหมือนจะผิดหลักวิทยาศาสตร์ แต่กลับเต็มไปด้วยความงดงามและอันตรายในเวลาเดียวกัน ไมเคิล เคน ในบทคุณปู่ผู้รักการผจญภัยและการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ ถือเป็นตัวละครสำคัญที่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน บทบาทของเขาที่ผสมผสานความรู้ ความกล้าหาญ และความขบขันได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละครนี้มีเสน่ห์และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ดเวย์น “เดอะร็อก” จอห์นสัน เข้ามาเติมเต็มบทบาทของพ่อเลี้ยงที่พยายามสร้างความสัมพันธ์กับลูกเลี้ยงได้อย่างน่ารัก การแสดงที่ผสมผสานความแข็งแกร่งและความอบอุ่นของเขา ทำให้ฉากครอบครัวมีความน่าเชื่อถือและเข้าถึงใจผู้ชมได้ง่าย ในขณะที่ วาเนสซ่า ฮัดเจนส์ และ จอช ฮัทเชอร์สัน ก็ยังคงเคมีที่เข้ากันได้ดีในฐานะคู่พระนางวัยรุ่นที่ต้องเผชิญอันตรายร่วมกัน ส่วน หลุยส์ กุซมาน ก็สร้างสีสันและความตลกขบขันให้กับเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้บรรยากาศไม่เคร่งเครียดจนเกินไป จุดเด่นของ Journey 2 คือการใช้เทคนิคภาพยนตร์ที่ทันสมัย โดยเฉพาะ การนำเสนอแบบ 3 มิติ ที่ช่วยให้ภาพของเกาะลึกลับแห่งนี้ดูสมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาด ป่าทึบ หรือภูมิประเทศที่สวยงามตระการตา ทุกฉากล้วนถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดสายตาและสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำให้กับผู้ชมได้อย่างเต็มที่ ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากแอ็กชันและฉากผจญภัยที่น่าตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง ตั้งแต่การหนีจากสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ การสำรวจถ้ำที่เต็มไปด้วยคริสตัล ไปจนถึงการตามหาวิธีที่จะออกจากเกาะก่อนที่มันจะจมหายไปในมหาสมุทร การผจญภัยที่ต่อเนื่องนี้ทำให้ผู้ชมไม่มีโอกาสได้เบื่อเลย โดยรวมแล้ว Journey 2: The Mysterious Island เป็น ภาพยนตร์ผจญภัย ที่สนุกสนาน ดูเพลิน และเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว มันนำเสนอโลกแฟนตาซีที่น่าทึ่ง พร้อมด้วยทีมนักแสดงที่เข้าขากันอย่างลงตัว และฉากแอ็กชันที่ตื่นตาตื่นใจ หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่จะพาคุณหลีกหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงไปสู่การผจญภัยอันแสนอัศจรรย์ นี่คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรพลาดครับ

หนัง

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Dune มหากาพย์ไซไฟสุดยิ่งใหญ่แห่งปี

ภาพยนตร์ Dune หรือชื่อภาษาไทยว่า “ดูน” คือภาพยนตร์ไซไฟฟอร์มยักษ์ที่สร้างจากนิยายชื่อดังของ Frank Herbert กำกับโดย Denis Villeneuve ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยฝากผลงานไว้กับเรื่อง Arrival และ Blade Runner 2049 หนังเรื่องนี้ได้รับความคาดหวังอย่างสูงจากแฟน ๆ ทั่วโลกตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย เพราะเนื้อเรื่องต้นฉบับขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในตำนานของนิยายไซไฟที่ยิ่งใหญ่และเข้าถึงยากที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ เรื่องราวเล่าถึงโลกอนาคตที่จักรวาลถูกปกครองด้วยจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ โดยแต่ละตระกูลทรงอำนาจจะได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลดาวเคราะห์ต่างๆ ดาวที่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้คือ Arrakis หรือที่เรียกอีกชื่อว่า ดูน ดาวเคราะห์ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด ที่ซึ่งเป็นแหล่งผลิต “Spice” สารล้ำค่าที่จำเป็นต่อการเดินทางในอวกาศและการคงอยู่ของจักรวาล ตัวเอกของเรื่องคือ Paul Atreides (รับบทโดย Timothée Chalamet) ทายาทแห่งตระกูล Atreides ที่ได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิให้ย้ายไปปกครอง Arrakis ต่อจากตระกูล Harkonnen ซึ่งเป็นศัตรูคู่แค้น Paul ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย การเมืองที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลัง และชะตากรรมลึกลับที่กำลังรอเขาอยู่ ในขณะเดียวกัน เขายังต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับพลังพิเศษที่เขามี และบทบาทสำคัญที่เขาอาจต้องแบกรับในอนาคต จุดเด่นที่สุดคือภาพและงานโปรดักชันที่ยิ่งใหญ่ตระการตา Denis Villeneuve ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของดาว Arrakis

maxresdefault
หนัง

รีวิวภาพยนตร์เรื่อง Sound of Metal เสียงที่หายไปกับการค้นพบตัวเองใหม่

ภาพยนตร์ดราม่า Sound of Metal ที่เปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้งและอารมณ์ความรู้สึก ที่จะพาผู้ชมไปสัมผัสกับประสบการณ์ของคนที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต… “เสียง” ผลงานกำกับโดย Darius Marder และนำแสดงโดย Riz Ahmed ในบทบาทที่ท้าทายและทรงพลังที่สุดบทหนึ่งในชีวิตนักแสดงของเขา เรื่องราวเริ่มต้นที่ รูเบน สโตน (รับบทโดย Riz Ahmed) อดีตมือกลองวงเมทัลคู่กับแฟนสาว ลู (Olivia Cooke) พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระอยู่บนรถบ้าน ท่องไปตามเมืองต่างๆ เพื่อแสดงดนตรีในคลับเล็กๆ รูเบนใช้ชีวิตอยู่กับเสียงจังหวะของกลอง ความเร้าใจของเสียงดนตรีและความสัมพันธ์กับลู แต่แล้วชีวิตของเขากลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อเขาเริ่มสูญเสียการได้ยินทีละน้อย จนกระทั่งในที่สุดเขาก็แทบไม่ได้ยินอะไรเลย ความโกลาหลทางอารมณ์เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน ความกลัว ความโกรธ และความสับสน รูเบนไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ เขาพยายามหาทางรักษา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดปลูกถ่ายประสาทหูเทียมที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรือแม้แต่การดิ้นรนที่จะรักษาความสัมพันธ์กับลูเอาไว้ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริงอีกครั้ง นั่นคือ…เขาต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งหมด หนึ่งในจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ คือการถ่ายทอด “ประสบการณ์ของคนหูหนวก” ออกมาอย่างสมจริง ทีมงานเลือกใช้เทคนิคเสียงที่เรียกว่า sound design แบบเฉพาะ ทำให้ผู้ชมได้รับรู้ความเงียบ ความพร่าเบลอของเสียง และความอึดอัดแบบที่คนหูหนวกต้องเผชิญในชีวิตจริง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ทรงพลังและกระทบใจคนดูอย่างมาก อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ไม่พูดถึงไม่ได้

หนัง

รีวิวหนัง Fountain of Youth เมื่อท่านพ่อ กาย ริตชี มาลองทำหนังผจญภัยไปสุดหล้า

  เมื่อผู้กำกับยอดฝีมือ กาย ริตชี ที่สร้างหนังบู๊ก็เจ๋ง ทำหนังแฟนตาซีก็ปัง และล่าสุดได้รับมอบหมายโจทย์เป็นหนังผจญภัยไขปริศนาฟอร์มใหญ่มาให้ละเลงสร้าง เขาก็ไม่รีรอที่จะวาดลวดลายออกมาเป็น Fountain of Youth การผจญภัยสุดขอบโลกครั้งใหม่ ที่มาพร้อมกับดาราระดับซุปตาร์ตัวเป้งและทุนสร้างสูงปรี๊ด ที่อาจจะกลิ่นอายคล้าย ๆ กับหนังดังหลายเรื่องไปหน่อยก็ตามลุค กับ ชาร์ล็อตต์ สองพี่้น้องที่ต่างมีเส้นทางแยกกันไปคนละทิศทาง ได้หวนกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อจุดเป้าหมายเดียวกันในการตามหาน้ำพุแห่งความเยาว์ที่เลื่องชื่อในตำนาน ด้วยการแกะเบาะแสมาจากข้อมูลทางประวัติศษสตร์ ออกเดินทางไปตามเส้นทางภารกิจที่ยิ่งใหญ่ บนเดิมพันความสำเร็จที่พลังอำนาจของน้ำพุศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อาจจะมอบความเป็นอมตะให้กับพวกเขาเอาจริง ๆ แค่เริ่มต้นเปิดเรื่องขึ้นมาก็ซื้อใจคอหนังชาวไทยไปแล้ว เพราะออกสตาร์ทด้วยฉากโหมโรงในกรุงเทพฯ กับคลอไปด้วยเพลงดังอมตะ Bang Bang (My Baby Shot Me Down) ฉบับดัดแปลงเป็นคำร้องภาษาไทยทั้งหมด ก็ชวนกระตุ้นความสนใจได้ไม่น้อย Fountain of Youth เป็นหนังแอคชันผจญภัยสไตล์ตามหาขุมทรัพย์ ที่ทำให้เราเลี่ยงจะไม่นึกถึงหนังดัง ๆ อย่าง แฟรนไชส์ Indiana Jones, National Treasure หรือ Uncharted ไม่ได้ เพราะหนังดูจะมาในสูตรเดียวกันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนังแนวบู๊ผจญภัยในศักราชนี้ค่อนข้างเป็นความท้าทายในการสร้างไม่น้อย ถึงแม้มันจะเป็นหนังที่สามารถไปตามสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ

Head Over Heels
หนัง

รีวิวหนัง Head Over Heels

ภาพยนตร์เรื่อง Head Over Heels ชื่อไทย: หัวใจเต้นรักไม่พักเลย ถือเป็นผลงานรอมคอมที่มอบความบันเทิงอย่างเรียบง่ายและดูเพลิน เหมาะสำหรับคอหนังที่กำลังมองหาเรื่องราวเบาๆ สบายๆ เพื่อผ่อนคลาย ด้วยพล็อตที่ไม่ได้ซับซ้อนมากนัก ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงและอินไปกับตัวละครได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ อแมนด้า รับบทโดย โมนิก้า พ็อตเตอร์ สาวนักอนุรักษ์งานศิลปะที่ชีวิตกำลังรุ่งโรจน์ ต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อเธอพบว่าแฟนหนุ่มนอกใจ เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการย้ายเข้ามาอยู่กับเพื่อนสาวร่วมห้องอีกสี่คนในอพาร์ตเมนต์กลางเมืองแมนฮัตตัน ซึ่งแต่ละคนก็มีบุคลิกและอาชีพที่แตกต่างกันออกไป ทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ชีวิตของอแมนด้าเริ่มมีสีสันและวุ่นวายปนเปไปพร้อมๆ กัน จุดหักเหที่แท้จริงมาถึงเมื่ออแมนด้าพบว่าเพื่อนบ้านหนุ่มห้องตรงข้ามอย่าง จิม วินสตัน รับบทโดย เฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ นายแบบหนุ่มสุดฮอต กำลังมีความสัมพันธ์กับหญิงสาวอีกคน ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นฆาตกรที่ก่อคดีฆาตกรรมเพื่อนร่วมห้องของเธอ ด้วยความกระตือรือร้นและนิสัยที่อยากรู้อยากเห็น อแมนด้าจึงเริ่มสืบหาความจริงเกี่ยวกับจิม พร้อมกับเพื่อนๆ ร่วมห้องที่มาร่วมวงช่วยสืบด้วยอีกแรง ซึ่งนำไปสู่เรื่องราวอลเวง ชวนหัว และสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย สิ่งที่ทำให้ Head Over Heels มีเสน่ห์คือการผสมผสานระหว่างพล็อตโรแมนติกคอมเมดี้กับกลิ่นอายของภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนแบบขำๆ ทำให้เรื่องราวมีมิติมากขึ้น ถึงแม้ว่าประเด็นฆาตกรรมจะไม่ได้ถูกนำเสนออย่างจริงจังนัก แต่ก็เป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวให้เกิดสถานการณ์ชวนปวดหัวและสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนสาวของอแมนด้า ที่เข้ามาช่วยสร้างสีสันและมุกตลกในเรื่องราวอยู่เสมอ เคมีระหว่างโมนิก้า พ็อตเตอร์และเฟรดดี้ พรินซ์ จูเนียร์ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ลงตัว ทำให้คนดูเชื่อในความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ พัฒนาจากความเข้าใจผิดกลายเป็นความรัก อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ของความซับซ้อนของพล็อตหรือความลึกซึ้งของตัวละคร Head Over Heels อาจไม่ใช่ภาพยนตร์ที่จะตราตรึงใจไปตลอดกาล แต่ด้วยจังหวะที่กระชับ ไม่ยืดเยื้อ และบรรยากาศที่สดใส ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ เหมาะสำหรับคืนวันหยุดที่อยากดูอะไรเบาๆ สนุกๆ โดยไม่ต้องคิดมาก ถือเป็นภาพยนตร์ที่ดูได้เรื่อยๆ ไม่น่าเบื่อ และมอบความสุขเล็กๆ น้อยๆ ให้กับผู้ชมได้อย่างแน่นอน

Scroll to Top