หนัง

หนัง

รีวิวหนัง Rider (2024) ไรเดอร์
หนัง

รีวิวหนัง Rider (2024) ไรเดอร์

สำหรับหนัง ไรเดอร์ มีการเล่าเรื่องราวของแก๊งไรเดอร์เพื่อนซี้ที่ประกอบด้วย นัท ไรเดอร์หนุ่มหล่อที่มีความสามารถในการเห็นผี, น้าไก่ ไรเดอร์สายมูผู้มีความเชื่อในสิ่งลี้ลับ, และ เสือยอด ไรเดอร์นักไลฟ์ที่ชื่นชอบการผจญภัยในสถานที่รกร้าง พวกเขาต้องเผชิญกับออเดอร์พิเศษที่นำพาไปยังโลเคชันสุดเฮี้ยนอยู่เสมอ​ จนกระทั่งวันหนึ่ง ไรเดอร์สุดหล่ออย่าง “นัท” ไปส่งอาหารให้กับ “พาย” สาวสวยเจ้าของร้านซ่อมโทรศัพท์ เขาตกหลุมรักเธอทันที แต่หลังจากนั้นไม่นาน พายก็หายตัวไปอย่างปริศนา ทำให้นัทและแก๊งเพื่อนๆ ต้องออกกันช่วยตามหาเพื่อสืบสาวเรื่องราวที่เกิดขึ้น แม้จะต้องไปเสี่ยงในสถานที่ประหลาดก็ตาม หรือต้องตะลุพิกัด GPS ที่เต็มไปด้วยผีและวิญญาณก็ตาม ไรเดอร์ เป็น ภาพยนตร์ผีไทย แนวคอมเมดี้ ที่นำเสนอเรื่องราวของอาชีพไรเดอร์ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์สยองขวัญในชีวิตประจำวัน แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปตามสูตรสำเร็จของหนังผีตลกทั่วไป แต่ก็สามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมได้ การแสดงของ มาริโอ้ เมาเร่อ และ สโรชา จันทร์กิมฮะ มีเคมีที่น่ารักและเข้ากันได้ดี ส่วน มารุต ชื่นชมบูรณ์ และ ภูวเนตร สีชมภู ก็เสริมความฮาให้กับเรื่องราวได้อย่างลงตัว​   ความน่าสนใจอยู่ที่การหยิบยกอาชีพไรเดอร์มาสร้างเป็นตัวละครหลักในหนังผี อาจเพราะเชื่อว่าในแต่ละวันพวกเขาต้องทำหน้าที่ส่งอาหารตามออเดอร์ทั้งในกลางวันและกลางคืน ไม่ว่าดึกดื่นแค่ไหนก็ยังคงคอยให้บริการผู้คนมากหน้าหลายตา โดยไปตาม GPS ที่ลูกค้าปักไว้ จึงเรียกได้ว่าเป็นอาชีพที่เสี่ยงที่จะ […]

หนัง (6)
หนัง

รีวิวหนัง Ballerina บัลเลรินา แค้นกว่านรก ท่วงท่าลีลาบู๊ของยัยอีฟ 

      มันส์จัดจ้านด้วยเสน่ห์ครองจอหนึ่งในจักรวาลหนังแอคชันที่เรืองรองสุด ๆ ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา บัดนี้ได้เวลาที่จะแผ่ขยายอาณาจักรออกไปให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทำให้กลายออกมาเป็นหนังภาคแยกเรื่องแรกจากแฟรนไชส์นี้ใน Ballerina บัลเลรินา แค้นกว่านรก การแนะนำตัวละครนักสู้หญิงคนใหม่ที่อยู่ในจัรกวาลพลังบู๊เดียวกัน ที่มาพร้อมกับภารกิจความแค้นที่ทั้งอึดทั้งถึกทั้งเหนื่อยไปพร้อม ๆ กันอีฟ มาการ์โร โคตรนักฆ่าศิษย์จากสำนักบัลเลต์รุสกาโรมา สถานที่ที่เคยบ่มเพาะนักฆ่าในตำนาน ต้องการสะสางแค้นและค้นหาความจริงเบื้องหลังการตายปริศนาของพ่อเธอ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางชำระแค้นของอีฟที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลกนักฆ่า ล้างบางทุกศัตรูที่ขวางหน้า ฝ่าทุกห่ากระสุน เดิมพันด้วยชีวิตของเธอโดยหนังเรื่องนี้ตัวพ่อหนังแอคชันเสน่ห์พลังหญิง อย่าง “เลน ไวส์แมน” เขาก็คือผู้กำกับและผู้สร้างที่อยู่เบื้องหลังการรังสรรค์หนังบู๊แฟรนไชส์ Underworld หลากหลายภาคที่ผ่านมานั่น และครั้งนี้ก็ว่าเป็นการหวนกลับมาจับงานสร้างหนังบู๊ที่ตัวละครนำหญิงอีกครั้ง ที่นับว่าเป็นงานที่ค่อนข้างถนัดมือไม่น้อย และเขาก็ยังรังสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างช่ำชอง สมกับเก็บประสบการณ์มาเป็นทศรรษ แม้ว่าท่วงท่าลีลามันอาจจะไม่ได้หวือหวาอะไรเท่าไหร่      คือก็ปฏิเสธไปได้เลยว่า คอนเทนท์ หนังแอคชัน ยุคปัจจุบันเต็มไปด้วยการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด ผลงานแต่ละเรื่องต่างพากันงัดเอาทีเด็ดและท่าเด็ดของพวกเขาออกมาเป็นจุดขาย ในขณะที่ Ballerina ก็ยังออกแรงและลีลาได้อย่างน่าพอใจ แต่อาจจะเลี่ยงให้คิดไม่ได้ว่า หนังได้บุญบารมีจากภาคหลัก John Wick ปูทางเอาไว้ให้ได้ดีมาในระดับหนึ่งแล้ว นี่จึงเป็นเพียงแค่การมาเสริมแต่งเติมทีเอาจริง ๆ ท่วงท่าอาจจะสู้กับแฟรนไชส์หลักไม่ค่อยได้นักแต่กระนั้น Ballerina ก็ยังอัดแน่นไปด้วยการดีไซน์และออกแบบฉากบู๊ที่พิถีพิถัน จนบางครั้งก็พิถีพิถันเกินไปทำให้บางทีก็ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ บางท่างท่ายังติดความเป็นแอคติ้งและบล็อกกิ้งมากไป บางจุดยังไม่ค่อยลื่นไหล แต่ก็เป็นจุดเล็ก ๆ ที่สามารถมองข้ามไปได้สบาย

รีวิวหนัง สวัสดีวันจันทร์(ส) - Happy Monday(s) (2025)
หนัง

รีวิวหนัง สวัสดีวันจันทร์(ส) – Happy Monday(s) (2025)

สวัสดีวันจันทร์(ส) (Happy Monday(s)) พล็อตหนังสไตล์วนลูป แน่นอนว่าเรามักจะได้เห็นหนังประเภทนี้สร้างออกมาอย่างต่อเนื่องกันแทบจะทุกปี โดยเฉพาะในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมานี้ หนังวนลูปได้หลายเป็นพล็อตยอดนิยมที่นักสร้างมักจะหยิบจับมาปั้นเป็นเรื่อง แต่สำหรับฝั่งหนังไทยอาจจะค่อนข้างแปลกใหม่และไม่ค่อยเคยเห็นเท่าไหร่ หนังไทยพล็อตชีวิตวนลูปจึงค่อนข้างกระตุ้นความสนใจได้ไม่น้อย เป็นภาพยนตร์ไทยแนว โรแมนติกคอมเมดี้ ที่ผสมผสานกับแนวไซไฟแบบ time loop เล่าเรื่องราวของ “เอิร์ธ” นักศึกษาหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน และพบว่าทุกอย่างรอบตัววนกลับมาเหมือนเดิมทุกวัน เขาติดอยู่ในวังวนของเวลาโดยไม่มีทางออก ในขณะที่พยายามหาทางหลุดพ้นจากลูปเวลานี้ ปั้นตัดสินใจใช้โอกาสนี้ในการเข้าใกล้ “สายไหม” หญิงสาวที่เขาแอบชอบมานาน เขาเริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าใจเธอมากขึ้นในแต่ละวันจันทร์ที่ผ่านไป และพยายามทำให้เธอตกหลุมรักเขาให้ได้ เรื่องย่อ สวัสดีวันจันทร์(ส) ชีวิตสุดดี๊ด๊าของนักศึกษาปีที่ 8 สุดแสบ เอิร์ธ เทอมสุดท้ายที่จะสำเร็จการศึกษา แทนที่จะตั้งใจเรียน เขากลับทุ่มเทแรงกายแรงใจจีบสาวรุ่นน้องอย่าง สายไหม แต่ยังต้องพ่ายให้กับความฮอตดีกรีเดือนมหาลัย เต้ อิร์ธตั้งใจจะบอกรัก สายไหม ในวันจันทร์ที่ 1 เม.ย. 2567 แต่ทุกอย่างกลับผิดแผนในคืนปาร์ตี้จบการศึกษา เอิร์ธตื่นมาพบว่าตัวเองติดอยู่ในวันจันทร์ที่ 1 เมษายน อีกครั้งและอีกครั้ง  เอิร์ธจึงฉวยโอกาสนี้เปย์ตัวเองให้มากที่สุด และทำทุกวิถีทางเพื่อพิชิตใจสายไหม เป็นการเปิดโลกหนังวนลูปให้กับวงการหนังไทยที่น่าสนใจ แต่ผลลัพธ์ที่ออกมานักอาจจะไม่ได้น่าอภิรมย์ใจถึงที่สุดขนาดนั้น

หนัง (5)
หนัง

รีวิวหนัง แต่ง Monk ไอเดียเพลินใช้ได้ พระไทย ปะทะ พระญี่ปุ่น ถึงจะลูกกวาดไปนิด

      นับว่าเป็นอีกครั้งที่หนังไทยยังคงหยิบเอาคาแรกเตอร์พระสงฆ์มาขึ้นจอใหญ่ด้วยเอกลักษณ์ที่ชัดเจน เป็นเหมือนไอเท็มชั้นยอดที่เหมาะกับการมาหยอดใส่คอนเทนท์เชิงสอดแทรกหลักคำสอน ที่ครั้งนี้มาแปลกหน่อย ๆ ใน แต่ง Monk Will You Marry Monk ที่ค่อนข้างมีไอเดียที่ขัดต่อพุทธศาสนาไปสักหน่อย แต่ทุกอย่างก็มีเหตุผลของมันอย่างลงตัวเมื่อ พระ ต้องห้าม พระ แต่งงาน หลวงพี่เป้ พระสุดเคร่งในพระธรรมวินัย พยายามหาทาง เพื่อหยุดการแต่งงานของ ออม น้องสาวคนเดียว ที่กำลังจะแต่งงานกับ พระชิน พระญี่ปุ่น ที่ทั้งดื่มเบียร์เที่ยวผับ แถมยังจะมาขอน้องสาวพระไทยแต่งงาน! ถึงจะนับถือศรัทธาในศาสนาเดียวกัน แต่หลักปฏิบัติกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง งานนี้จึงอลเวงข้ามประเทศโดยหนังนี้เป็นการร่วมด้วยประกอบร่างด้วยน้ำมือของ 3 ผู้กำกับ ที่นำโดย อุ้ย-วรวุฒิ ถวิลวิศิษฎ์วิฒน์, วีรวัฒน์ ชโยชัยกร มือเขียนบทหนัง มานะแมน และ อีเรียมซิ่ง และนักแสดงและนักสร้างหนังรุ่นใหญ่ “แฉะ-องอาจ เจียมเจริญพรกุล” (จาก ธี่หยด ทั้ง 2 ภาค) อีกทั้งยังได้ 5

หนัง

รีวิวหนัง The Stone พระแท้ คนเก๊ มันดี..ดี..ดี

      งานสร้างหนังเรื่องแรกของพี่เป้ทำถึงชิ_หายกลายเป็นหนังม้ามืดมาแรงที่ดึงดูดความใจของผู้ชมได้อย่างเหลือเชื่อในเวลานี้ กับการก้าวขึ้นมาสู่อีกบทบาทที่สำคัญของนักร้องนักแสดงหนุ่ม เป้ อารักษ์ ที่ได้มีการจับงานสร้างหนังใหญ่เป็นครั้งแรกและเรื่องแรกของเขาใน The Stone พระแท้ คนเก๊ ที่ได้ทำการละเลงความสร้างสรรค์ผ่านไอเดียกับแนวคิดที่จัดจ้านแบบฉบับส่วนตัวของเขาเอง ออกมาเป็นหนังทริลเลอร์จัดจ้านแบบไทย ๆ ที่พาเข้าไปคลุกวงในของวงการพระเครื่อง…แบบคนรู้จริงเอก ต้องการเงินไปรักษาพ่อที่ป่วยหนัก เขาเอาพระเครื่องของพ่อไปประเมินราคากับเซียนพระชื่อดัง เซ้งพาราไดซ์ เอกได้เจอกับ เซียนหมวย เซียนพระสุดฮ็อตที่เข้ามาแนะนำให้ส่งพระเข้าประกวด แต่กลายเป็นว่าพระที่อยู่ในมือของเอก คือ พระสมเด็จ ของแท้ชื่อดังในตำนานที่หายไปจากวงการกว่า 30 ปี ซึ่งราคาสูงอาจถึงหลักร้อยล้านและนั่นทำให้เอกกับพระเครื่องของเขาเป็นที่จับจ้องของคนเล่นพระทั้งวงการ รวมไปถึง พ่อสุนทร เซียนพระผู้ทรงอิทธิพลและนายกสมาคมพระเครื่องฯ พ่วงด้วยชายหนุ่มปริศนาลึกลับ อย่าง วิคเตอร์ ที่ต่างเข้ามาพัวพันกับเอก จากชายหนุ่มที่ไม่เคยสนใจพระเครื่อง พลิกชีวิตเข้าสู่เดิมพันอันตรายของเหล่าเซียนพระ ที่พร้อมใช้ทุกเล่ห์เหลี่ยมกลโกงแย่งชิงพระแท้มาครอบครองThe Stone พระแท้ คนเก๊ เป็นหนังที่กลั่นกรองมาจากไอเดียและคอนเซ็ปต์หนังของเป้ อารักษ์ โดยเฉพาะ ซึ่งเขาก็รับหน้าที่เขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเองอย่างตั้งใจ พร้อมกับมารับหน้าที่นั่งเก้าอี้กำกับหนังแบบเต็มตัวเป็นครั้งแรก ร่วมกับเพื่อนร่วมเส้นทางนักสร้างหนัง “บี วุฒิพงษ์” ที่ต้องบอกเลยว่าไอเดียที่จัดจ้านลงตัว มาอยู่ในมือของทีมสร้างที่เต็มไปด้วยแพสชั่นและแรงผลักดันที่เต็มเปี่ยม กลายออกมาเป็นหนังไทยรสจัดจ้านที่ทำได้ถึงอีกเรื่องหนึ่งในรอบปีเลยทีเดียว        เริ๋มต้นในส่วนของบทหนังที่พี่เป้ละเลงเขียนขึ้นมากับมือ จริง

หนัง

รีวิวหนัง Nonnas รักนะย่ายายจ๋า ดูจบ ปาดน้ำตาแล้วคิดถึงรสมือเมนูของคนที่บ้าน

       เพราะว่าช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของทุกปี จะตรงกับเทศกาลวันแม่ของหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา, ออสเตรเลีย, อิตาลี, อินเดีย หรือ เวียดนาม นั่นจึงเหมาะเจาะที่ปล่อยคอนเทนท์เกี่ยวกับแม่ ๆ ออกมาในช่วงเวลานี้ กลายมาเป็นการหย่อนหนังชีวิตกลิ่นอายความอบอุ่นเรื่องใหม่ Nonnas รักนะย่าย้ายจ๋า ออกมาเสิร์ฟในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพราะนี่จะกลายเป็นหนังที่ทำให้ผู้ชมวัยกลางคนจะต้องเช็ดคราบน้ำตาคิดถึงอดีตที่ยังคิดถึงอย่างกลมกล่อมเรื่องราวของ โจอี้ ชายหนุ่มที่เติบโตมากับครอบครัวชาวอิตาเลียนใจกลางมหานครนิวยอร์ก บัดนี้เขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยหลักสี่ ที่เพิ่งจะสูญเสียแม่ผู้เป็นที่รักไป บ้านที่แสนอบอุ่นบัดนี้มีแต่ความเงียบงันคืบคลานเข้ามาแทนที่ เขาจึงตัดสินใจใช้เงินประกันชีวิตของแม่มาซื้อร้านอาหารเก่าแก่บนเกาะสแตเทน เพื่อหวังจะเปิดร้านอาหารที่ดึงเอารสชาติอาหารอิตาเลียนดั้งเดิมสูตรของที่บ้านมาเผยแพร่ พร้อมกับการร่วมมือของคุณย่าคุณยายที่เปี่ยมไปด้วยรสมือสุดเด็ด แม้ว่าประสบการณ์จะเป็นศูนย์ถ้าหากว่าคุณชอบที่เสพย์สุขกับหนังฟีลกู้ด บรรยากาศดี ๆ พล็อตเรื่องง่าย ๆ สบายใจสบายกาย Nonnas รักนะย่ายายจ๋า เรื่องนี้ก็เหมาะเจาะกับคุณเป็นอย่างยิ่ง เพราะนี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับชื่อดัง “สตีเฟน ชโบสกี” จาก Wonder และ The Perks of Being a Wallflower ที่ได้หวนกลับมาละเลงความสุขในผลงานแนวถนัดของเขาอีกครั้ง         แม้ว่าหนนี้เขาจะไม่ได้ลงมารับหน้าที่เขียนบทหนังเอง เพราะได้ ลิซ

เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนจดหมายรักฉบับสุดท้ายที่เขาเขียนถึงวัยเด็ก ความตาย ความเศร้า และชีวิต
หนัง

The Boy and The Heron เด็กชายกับนกกระสา

The Boy and the Heron เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องล่าสุดจากปรมาจารย์ผู้กำกับ ฮายาโอะ มิยาซากิ หลังจากประกาศเกษียณไปหลายครั้งแต่ก็กลับมาสร้างผลงานใหม่อีกครั้งในวัย 82 ปี เรื่องนี้จึงเปรียบเสมือนจดหมายรักฉบับสุดท้ายที่เขาเขียนถึงวัยเด็ก ความตาย ความเศร้า และชีวิต ภาพยนตร์เล่าเรื่องของ มาฮิโตะเด็กชายวัย 11 ปีที่สูญเสียแม่จากเหตุการณ์ไฟไหม้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เขาจำต้องย้ายไปอยู่กับพ่อซึ่งแต่งงานใหม่กับน้องสาวของแม่ในชนบท ห่างไกลผู้คนและเต็มไปด้วยบรรยากาศแปลกประหลาด ที่นั่นเขาได้พบกับนกกระสาตัวหนึ่งที่พูดได้ และค่อย ๆ ลากเขาเข้าสู่โลกแฟนตาซีที่ดูสวยงามแต่อึดอัด เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด ความทรงจำที่บิดเบี้ยว และคำถามที่ไม่มีคำตอบ แม้ในตอนแรกเรื่องราวจะดูคล้ายการผจญภัยตามแบบฉบับของจิบลิ แต่เมื่อดำเนินไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ชมจะสัมผัสได้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวของการต่อสู้กับอสูรร้ายหรือการช่วยโลก แต่คือการเผชิญหน้ากับจิตใจของตัวเองของเด็กคนหนึ่งที่แบกรับความสูญเสียหนักหนาสาหัสเกินวัย เขาไม่สามารถร้องไห้ต่อหน้าพ่อเขาเก็บความเจ็บปวดไว้ในใจ และเมื่อโลกแฟนตาซีเปิดออก มันคือพื้นที่เดียวที่เขาได้เผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงสิ่งที่โดดเด่นใน The Boy and the Heron คือการใช้สัญญะและภาพแทนมากมาย ตัวนกกระสาที่ดูไม่น่าไว้ใจในตอนต้น กลับกลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องราว ตัวละครหลายตัวปรากฏและหายไปอย่างไม่ชัดเจน ราวกับฝันที่เลือนลาง และโลกทั้งใบที่มาฮิโตะเดินทางผ่าน ก็เปรียบได้กับการเดินทางภายในจิตใจ เพื่อทำความเข้าใจความตาย การเกิด และการยอมรับการเปลี่ยนแปลงของชีวิต งานภาพของเรื่องยังคงสวยงามตามแบบฉบับของจิบลิ เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน อารมณ์ และจินตนาการที่ไม่เคยหมดอายุ แม้ฉากแฟนตาซีจะล้ำจินตนาการ แต่กลับสะท้อนความเป็นจริงในใจมนุษย์ได้ชัดเจนกว่าภาพชีวิตจริงเสียอีก เสียงดนตรีประกอบโดยโจ

หนัง

รีวิวหนัง The Match เดอะ แมตช์ ลํานําเซียนหมากล้อมในตำนานของเกาหลี

        หนึ่งในเกมการแข่งขันที่ดุเดือดและได้รับความนิยมไม่น้อยในเกาหลี อย่าง เกมบาดุก, เกมโกะ หรือ หมากล้อม ที่นับว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ได้ยกระดับจากกิจกรรมอดิเรกมาเป็นการแข่งขันที่พัฒนาสร้างแชมป์และเซียนได้อย่างต่อเนื่อง และนี่ก็คือการตีแผ่ตำนานเซียนหมากล้อมที่ยิ่งใหญ่ของเกาหลีทั้งสองคน ออกมาเป็น The Match เดอะ แมตช์ ที่วาดลวดลายการกำเนิดของ 2 เซียนหมากล้อมผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนกิมจิ เรื่องราวและเส้นทางสู่การเป็นเซียนระหว่างศิษย์กับอาจารย์หมากล้อมในตำนานของเกาหลี อย่าง โชฮันฮยอน กับ อีชางโฮ พวกเขาทั้งคู่ที่ได้ชื่อว่าเป็นโปรสุดยิ่งใหญ่ที่มีการจารึกเอาไว้ในวงการหมากล้อมของโลก การผลักดันและปลุกปั้นที่นำมาสู่การเป็นคู่ต่อสู้ในเกมบนกระดานที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงไหวพริบ ที่ผนวกเข้ากับแรงกดดันมหาศาล ที่นำพาทั้งคู่ไปสู่ห้วงแห่งศักดิ์ศรีที่ดุเดือดที่สุดเท่าที่เคยมีมา หมากล้อม อาจจะเป็นเกมที่บางคนมองว่าเป็นการแข่งขันที่เงียบงันและไร้เสน่ห์ เป็นแค่เพียงการชิงไหวพริบเดินเกมระหว่างแค่คนสองคน แต่จริง ๆ แล้วรายละเอียดในการเดินหมากแต่ละตัวต้องพาการคิดวิเคราะห์อย่างครอบคลุม ยิ่งมีศักดิ์ศรีความเป็นเซียนค้ำคออยู่ ยิ่งต้องแบกรับสถานการณ์กดดันอยู่หน้ากระตานตรงหน้า นั่นจึงกลายเป็นเสน่ห์อันท้าทายของเกมหมากล้อม ที่ภายนอกอาจจะดูน่าเบื่อ แต่ก็รายล้อมไปด้วยสิ่งที่น่าค้นหามากมายเช่นกัน         นี่คือผลงานการกำกับและเขียนบทของ คิมฮยองจู นักสร้างหนังหน้าใหม่ที่อาจจะยังไม่มีชิ้นงานที่โดดเด่นเท่าไหร่นัก แต่ได้ก้าวขึ้นมาหยิบจับงานสร้างผลงานชิ้นใหญ่เรื่องนี้เลย ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคนิคและองค์ประกอบงานสร้างใน The Match อาจจะไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่นัก หนังยังวนไปใช้สูตรความสำเร็จตามสไตล์หนังเกาหลีลักษณะนี้ที่ต้องยอมรับว่า วงการหนังเกาหลียังเก็บรายละเอียดงานสร้างได้ค่อนข้างน่าพอใจแต่ต้องยอมรับว่า The Match มีสตอรี่และเรื่องราวที่ค่อนข้างส่งเสริมตัวหนังได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะความทรงพลังของเกมการแข่งขันระหว่างครูกับศิษย์ นับว่าเป็นการเดินหมากสร้างประเด็นในหนังให้รู้สึกหนักแน่นขึ้นได้ดีขึ้น

รีวิวหนัง สุดสยดสยอง "พนอ"
หนัง

รีวิวหนัง สุดสยดสยอง พนอ

รีวิวหนัง สุดสยดสยอง พนอ ปลุกความเสียวสยองเกือบทุกสองนาทีไม่เกินจริง เพราะการกลับมาปล่อยของ สามารถทำให้ผู้ชมขนลุกขนพองและเผลอร้องออกมาด้วยความน่าสยดสยอง โดยพนอเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ของ “ลองของ” ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งในไทยและหลายประเทศทั่วโลกมาแล้ว ทำให้การนำพล็อตเนื้อหาความเชื่อทางไสยศาสตร์และความต้องการในการตีแผ่ต้นกำเนิดตัวละครของ พนอ เปี่ยมด้วยความท้าทายในการร้อยเรียงมิติคาแรกเตอร์ของตัวละคร และร้อนแรงด้วยคุณไสยที่แทบจะไม่ได้พักหายใจหายคอกันเลย เป็นความท้าทายในพล็อตเนื้อหาเหมือนกัน เพราะว่าตัวละครของ พนอ ในลองของ 1-2 มีการตีแผ่มุมมองของเธอไปในระดับหนึ่งแล้วเช่นกัน การวางเนื้อหาต้นกำเนิดของเธอโดยใช้ความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์ผสมเข้ามาจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างมีลู่ทางไม่มากนักจึงสามารถเดาทางได้พอสมควร เพราะจากการปูทางวัยเด็กจวบจนถึงช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายของพนอ เธอต้องเผชิญหน้ากับกับความเปล่าเปลี่ยวและน่าสงสารซึ่งจากปมปัญหาที่ขมวดไว้ก็ไม่ทำให้แปลกใจสักเท่าไรที่เธอเติบโตไปเป็น ครูพนอในลองของ นั่นจึงทำให้การดำเนินเนื้อหาค่อนข้างมีความราบเรียบไปสักหน่อย อาจจะไม่ได้มีปมปัญหาซับซ้อนหรือมีรูปแบบเนื้อหาเข้มข้นลึกซึ้งมากนัก แต่เป็นการชูโรงไสยศาสตร์มนต์ดำแบบเต็มอัตราแทบจะทุกสองนาทีจริง ๆ แม้ว่าในบทสนทนาหรือเนื้อหาในบางส่วนอาจจะมีความรู้สึกว่ากลายเป็นละครน้ำเน่าและมีไดอาล็อกชัดเจนไปอยู่บ้าง ซึ่งมันค่อนข้างตรงข้ามกับอารมณ์ที่กำลังต่อเนื่องในความเสียวสยองและความเจ็บปวดที่โดนทำร้าย ในขณะเดียวกันความเชื่อมโยงของตัวละครบางคนในฉาก ๆ หนึ่ง เรารู้สึกถึงความไม่สัมพันธ์กันทั้งการปรากฏตัวและการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งร่วมกัน อาจผนวกรวมกับการตัดต่อฉากซึ่งพอมาเคล้ารวมกันจึงเกิดเป็นแผลที่ชัดเหมือนโดนคุณไสยมนต์ดำเข้าไปเช่นกัน และหากไม่ได้ใช้การเล่นของมาพยุงเนื้อหาเอาไว้ในตลอดระยะเวลาของการรับชมมันอาจจะจมมากกว่านี้เลยก็ว่าได้ เพราะฉากการเล่นของทั้งในการแก้แค้น และการเผชิญหน้ากับผู้เล่นของคนอื่นทำออกมาได้อึ้ง ทึ่ง เสียวจนขนลุกตลอดระยะเวลาของการรับชม และสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกประทับใจคือ ฝีมือการแสดงของทีมนักแสดงทุก ๆ คน พวกเขาสามารถถ่ายทอดมิติอารมณ์ของตัวละครและสร้างภาพจำให้กับตัวละครนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี โดย เฌอปราง อารีย์กุล ในบท พนอ สามารถออกแบบคาแรกเตอร์ที่มีความต่อเนื่องจากภาพยนตร์ลองของได้ค่อนข้างน่าสนใจ การแสดงท่าทางผ่านแววตา สีหน้า น้ำเสียง

พระร่วง
หนัง

รีวิวหนัง พระร่วง มหาศึกสุโขทัย บทรังสรรค์ขนบใหม่ของหนังอิงประวัติศาสตร์ไทย

       เพราะว่าเดี๋ยวนี้นาน ๆ ทีในวงการหนังไทยจะได้เห็นผลงานที่สร้างอิง ประวัติศาสตร์ หนังพีเรียด ย้อนยุคเกี่ยวกับการเมืองการปกครองออกมาสักเรื่อง ต้องใช้เวลาอยู่หลายปีดีดัก เนื่องจากเป็นคอนเทนท์ที่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจในการสร้างโดยเฉพาะ ทำการบ้านในค้นคว้าให้หนักแน่น และกลวิธีที่ต้องใส่ใจไม่น้อยเพื่อผลงานที่ดี โชคดีที่ในศักราชนี้ได้มีโอกาสได้ดู พระร่วง มหาศึกสุโขทัย ที่นับว่าเป็นการกลับมาปลุกไฟหนังประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้งศรีสัชนาลัย สุโขทัย ที่เคยรุ่งเรืองกลับต้องสั่นคลอนเมื่อ พ่อขุนศรีนาวนำถุม สิ้นลงทิ้งไว้เพียงสองพี่น้องผู้ต่างอุดมการณ์ในการปกครองอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมิอาจรู้ว่าใครจะขึ้นครองบัลลังก์สืบต่อไป ระหว่าง พรญาผาเมือง ผู้เป็นดั่งนักรบ ยึดมั่นในอำนาจ มีความเด็ดขาดในการปกครอง และ ขุนบางกลางหาว ผู้รักความสงบ เชื่อมั่นในพลังของการปกครองแบบสันติวิธี เมื่ออุดมการณ์ที่แตกต่างได้ปลุกไฟแห่งความแตกแยกของสองพี่น้อง แต่ก็ถูกแทรกแซงด้วย ขอมสบาดโขลญลำพง ที่ฉวยโอกาสจากความแตกแยกนี้ สั่นคลอนการปกครองแผ่นดิน        แต่ก่อนอื่นใดเลย คงจะต้องเรียนแจ้งให้ทราบอย่างตรงไปตรงมาไว้ตอนนี้เป็นลำดับต้น ๆ ก็คือหากว่าคุณคาดหวังที่จะได้เสพย์หนังอิงประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยการเชือดเฉือนชิงชัยในบัลลังก์และการรบการสงคราม เราคิดว่า พระร่วง มหาศึกสุโขทัย เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ตรงนั้นได้สักเท่าไหร่ เพราะผลลัพธ์ที่ออกมาในหนังเรื่องนี้อาจจะไปในทิศทางงานศิลป์ที่ผสมผสานความวิจิตรบรรจงและศาสตร์การแสดงในลักษณะละครเวทีโรงใหญ่เสียมากกว่าเพราะนี่คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ ชาติชาติ เกษนัส ที่เพิ่งจะได้เสียงชื่นชมไปจากหนังเรื่องก่อน อย่าง แมนสรวง ไปหมาด ๆ ซึ่งเขาก็ยังรับหน้าร่วมเขียนบทหนังและร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ ที่มาจากแพสชั่นในความหลงใหลเรื่องราวทางประวัติศาสตร์โดยแท้ ๆ

Scroll to Top