การ์ตูน

การ์ตูน

Kijin Gentoushou นักล่าปีศาจข้ามกาลเวลา

เรื่องราวเริ่มต้นของการ์ตูนเรื่อง Kijin Gentoushou เริ่มขึ้นในสมัยเอโดะ ณ หมู่บ้านภูเขาอันห่างไกลชื่อคาโดโนะ (Kadono) จินตะ (Jinta) เด็กหนุ่มที่หลบหนีมาพร้อมน้องสาว ซูซุเนะ (Suzune) ได้รับการอุปการะจากชาวบ้านและเติบโตขึ้นมาเป็นผู้พิทักษ์ศาลเจ้า โดยมีหน้าที่ปกป้องอิทสึกิฮิเมะ (Itsukihime) มิโกะสาวผู้มีบทบาทสำคัญในพิธีกรรมของหมู่บ้าน​วันหนึ่ง จินตะได้รับมอบหมายให้ปราบปีศาจลึกลับที่ปรากฏในป่า แต่การเผชิญหน้าครั้งนั้นกลับนำไปสู่เหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาอย่างสิ้นเชิง จากจุดนั้น จินตะต้องเดินทางข้ามยุคสมัย เผชิญหน้ากับปีศาจ เทพเจ้า และชะตากรรมที่เชื่อมโยงกับโลกเหนือธรรมชาติ พร้อมทั้งค้นหาความหมายของการมีชีวิตและหน้าที่ของตนเอง ​ จุดเด่นของเรื่องคิจิน เคนโทโช การเดินทางข้ามยุคสมัย: เรื่องราวครอบคลุมหลายยุค ตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงยุคปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกและการปรับตัวของตัวละครหลัก​ ธีมลึกซึ้ง: สำรวจประเด็นเกี่ยวกับโชคชะตา ความสูญเสีย และการยอมรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิต​ องค์ประกอบเหนือธรรมชาติ: ผสมผสานตำนานญี่ปุ่นกับเรื่องราวแฟนตาซี ทำให้เนื้อเรื่องมีความลึกลับและน่าติดตาม​ งานศิลป์และดนตรี: อนิเมะมีงานภาพที่สวยงามและดนตรีประกอบที่เสริมอารมณ์ของเรื่องได้อย่างลงตัว​ และแน่นอนว่าการ์ตูนเรื่อง Kijin Gentoushou หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Sword of the Demon Hunter เป็นอนิเมะที่ดัดแปลงจากนวนิยายแฟนตาซีย้อนยุคของญี่ปุ่น ผลงานของ Moto’o Nakanishi โดยมีฉบับมังงะวาดโดย Yū Satomi […]

การ์ตูน

Your Forma ผู้ไขปริศนาแห่งความคิด

อานิเมชั่นเรื่องนี้เป็นซีรีส์นิยายวิทยาศาสตร์แนวสืบสวนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจาก Dengeki Novel Prize ครั้งที่ 27 และได้รับการดัดแปลงเป็นมังงะและอนิเมะในปี 2025 เรื่องราวเกิดขึ้นในโลกคู่ขนานปี 2023 ซึ่งเทคโนโลยี “Your Forma” หรือ “สมองสังเคราะห์” ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ​Your Forma เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นจากการรักษาโรคสมองอักเสบไวรัสในปี 1992 โดยสามารถบันทึกภาพ เสียง และอารมณ์ของผู้ใช้ได้ ทำให้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสืบสวนคดีอาชญากรรม ​ เอจิกะ ฮิเอดะ (Echika Hieda) เป็นนักสืบอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่สามารถ “ดำน้ำ” เข้าไปในความทรงจำของผู้คนผ่าน Your Forma เพื่อค้นหาหลักฐานในการไขคดี อย่างไรก็ตาม ความสามารถของเธอสูงเกินไปจนผู้ช่วยมนุษย์ไม่สามารถตามทันและเกิดผลข้างเคียงทางสมอง ทำให้เธอได้รับมอบหมายให้ทำงานร่วมกับแฮโรลด์ ลูคราฟต์ (Harold Lucraft) แอนดรอยด์อัจฉริยะที่มีบุคลิกขี้เล่นและท้าทาย ​แม้เอจิกะจะไม่ชอบการทำงานร่วมกับแอนดรอยด์ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกหากต้องการไขคดีที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเทคโนโลยีของยัวฟอร์มาที่อาจเป็นภัยต่อมนุษยชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และแอนดรอยด์ในเรื่องนี้สะท้อนถึงประเด็นทางจริยธรรมและอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ ​ซีรีส์นี้ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างไซไฟและการสืบสวนที่น่าติดตาม พร้อมทั้งสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีในโลกอนาคต ความน่าสนใจของการ์ตูนเรื่องนี้ แนวคิดเทคโนโลยีล้ำยุคเทคโนโลยียัวฟอร์มาที่สามารถบันทึกและถอดรหัสภาพ เสียง และอารมณ์จากสมองมนุษย์ เปิดประเด็นทางจริยธรรมเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว และอำนาจในการ “อ่านใจ” คนอื่นได้อย่างลึกซึ้ง

อนิเมะ Whisper of the heart วันนี้…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู
การ์ตูน

อนิเมะ Whisper of the heart วันนี้…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู

Whisper of the Heart เป็นอนิเมะที่ฉายในปีพ.ศ.2538 เป็นอนิเมะแนวของคนช่างฝันทั้งในด้านทางเดินของตัวเองและความรักที่เกิดขึ้นแนว ๆ Puppy Love ประมาณนั้นเลยได้ใจคนดูเยอะมาก จนเรียกว่าเป็นหนึ่งในอนิเมะที่ดังเป็นพลุแตกของค่ายจิบลิเลย ยิ่งใครที่อยู่ในช่วงม.ต้นแล้วดู Whisper of the heart วันนี้…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพูก็จะยิ่งอินเข้าไปใหญ่ เพราะมันตรงกับวัยเราจริงๆ เรื่องย่ออนิเมะ Whisper of the heart อนิเมะ “Whisper of the heart วันนี้…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู” ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “ชิซึคุ สึกิชิมะ” นักเรียนหญิงชั้นมัธยมตอนต้นที่รักการอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ เธอมักจะไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดสาธารณะอยู่เสมอ จนวันหนึ่งชิซึคุก็ได้รู้ว่าห้องสมุดกำลังเปลี่ยนระบบการยืมหนังสือจากที่เคยใช้บัตรเป็นระบบบาร์โค้ด เธอจึงหยิบบัตรกระดาษแข็งที่บันทึกรายชื่อผู้ที่เคยยืมหนังสือออกมาดู หนังสือทุกเล่มที่เธอเคยยืมจะมีชื่อของ “เซย์จิ อามาซาว่า” ยืมไปก่อนหน้าเธอทุกครั้ง ทำให้เธอจินตนาการว่าเขาต้องเป็นผู้ชายในอุดมคติของเธอแน่ๆ จวบจนวันที่ชิซึคุกำลังนั่งรถไฟไปห้องสมุดสาธารณะเพื่อเอาเบนโตะไปส่งให้คุณพ่อ เธอได้พบแมวตัวอ้วนอยู่ในรถไฟซึ่งลงสถานีเดียวกันกับเธอ เธอจึงตามมันไปจนถึงร้านขายของเก่า ”Earth Shop” ทำให้ได้เจอกับคุณตาเจ้าของร้านท่าทางใจดี แต่สิ่งที่สะดุดตาเธอเป็นอย่างแรกคือ รูปปั้นแมว “Baron Humbert Von Jikkingen”

รีวิว แอนิเมชัน Frozen ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ
การ์ตูน

รีวิว แอนิเมชัน Frozen ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ

Frozen ‘ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ’ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องใหม่จากค่าย Walt Disney Pictures ที่คราวนี้หยิบเอาเรื่องราวของราชินีน้ำแข็งมาสร้างเป็น แอนิเมชั่น 3 มิติ ที่ภาพออกมาดูสวยสดงดงาม แต่มันก็ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะเขาจะสร้างมันออกในแบบที่มีตัวละครร้องเพลง สลับกันไปกับการพูดสนทนา ผ่านเรื่องราวสไตล์เจ้าหญิงเจ้าชาย แต่มีพระเอกเป็นคนธรรมดา หนังเรื่องกำกับโดย Chris Buck และ Jennifer Lee ซึ่งทั้งสองคนก็นำเค้าโครงเรื่องมาจาก ‘The Snow Queen’ ของ Hans Christian Andersen อีกที เรื่องย่อ ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ อันนาและเอลซ่า สองพี่น้องเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรแอเรนเดล เอลซ่าเกิดมามีพลังวิเศษในการควบคุมน้ำแข็งและหิมะ แต่ด้วยความกลัวว่าเธอจะควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจกีดกันตัวเองออกจากโลกภายนอก และทำให้ฤดูหนาวมาเยือนอาณาจักรตลอดทั้งปี อันนาไม่เข้าใจว่าทำไมเอลซ่าถึงเกลียดเธอและทำร้ายอาณาจักร เธอจึงออกเดินทางตามหาเอลซ่าเพื่อให้เธอกลับมาแก้ไขทุกอย่าง ระหว่างทางอันนาได้พบกับคริสตอฟฟ์ ชายหนุ่มชาวภูเขาและสเวนกวางเรนเดียร์คู่ใจของเขา ทั้งสามคนได้ออกเดินทางไปด้วยกันเพื่อตามหาเอลซ่าและนำฤดูร้อนกลับมาสู่อาณาจักร Frozen เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันที่สนุกสนานและอบอุ่นหัวใจ ภาพยนตร์เรื่องนี้สอนเราให้รู้ว่าความรักของครอบครัวสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้   นอกเหนือไปจากสองสาว เจ้าหญิง แห่งเมืองนี้แล้ว ก็ยังจะมีตัวละครชายสองตัวที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนหนึ่งเป็นเจ้าชายและอีกคนเป็นมนุษย์หิมะที่ร่วมเป็นตัวหลักในการดำเนินเรื่องที่เรียงร้อยด้วยกันเพลงเพราะๆ จากปากของตัวละครต่างๆ ในสไตล์ละครบรอดเวย์

การ์ตูน

Your Name ชื่อของเธอในใจฉัน

อะนิเมชั่นสุดซึ้งน้ำตาไหลโด่งดังทั่วโลกภายในชั้วข้ามคืนอย่าง Your Name เป็นภาพยนตร์อนิเมะโรแมนติก-แฟนตาซี ที่เล่าเรื่องของ “ทากิ” เด็กหนุ่มมัธยมปลายในโตเกียว และ “มิตสึฮะ” เด็กสาวจากเมืองชนบทอิตะโมริ ทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่วันหนึ่งพวกเขากลับพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในร่างของอีกฝ่าย โดยไม่ทราบสาเหตุในช่วงแรก ทั้งคู่สับสนและรู้สึกว่าเป็นเพียงฝันประหลาด แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกเขาก็เริ่มตั้งกฎ กติกา และสื่อสารกันผ่านโน้ตหรือข้อความบนโทรศัพท์มือถือ ท่ามกลางความงุนงง ความใกล้ชิดก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น แม้จะไม่เคยเจอกันในชีวิตจริงแต่แล้ว วันหนึ่ง การสลับร่างก็หยุดลงอย่างลึกลับ ทากิรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงตัดสินใจออกตามหามิตสึฮะด้วยเบาะแสเพียงเล็กน้อยที่จำได้ เขาเดินทางไปยังอิตะโมริ และพบว่าเมืองนี้ถูกอุกกาบาตพุ่งชนและลบหายไปจากแผนที่เมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมกับมิตสึฮะและชาวเมืองอีกหลายร้อยคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น เมื่อรู้ความจริงทากิต้องทำทุกวิถีทางเพื่อย้อนเวลาช่วยชีวิตมิตสึฮะและชาวเมืองเขาได้สื่อสารกับเธออีกครั้งผ่านโลกแห่งวิญญาณ พร้อมเตือนเธอให้รีบอพยพคนในเมืองก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริงในที่สุด มิตสึฮะก็สามารถช่วยเมืองไว้ได้อย่างหวุดหวิด แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น ทั้งคู่กลับลืมกันและกัน ราวกับความทรงจำถูกลบเลือนไปตามกาลเวลาหลายปีต่อมา ขณะที่ต่างคนต่างใช้ชีวิตอยู่ในโตเกียว ทั้งทากิและมิตสึฮะกลับรู้สึกว่าขาดบางสิ่งบางอย่างในหัวใจ จนกระทั่งทั้งสองได้เดินสวนกันอีกครั้ง และหันมาถามชื่อของกันและกันด้วยรอยยิ้ม ข้อคิดดีๆ จากการ์ตูนชื่อของเธอในใจฉัน ความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กันเสมอ ซึ่งแน่นนอนว่า Your Name นั้นเป็นเรื่องที่บอกถึงทากิและมิตสึฮะจะไม่เคยพบกันจริงๆ ในช่วงแรก แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตขึ้นผ่านการเข้าใจ ใช้ชีวิตในร่างของกันและกัน ซึ่งสะท้อนว่า “การเข้าใจหัวใจของใครสักคน” สำคัญกว่าการอยู่ใกล้กันทางกายภาพ โชคชะตาและการเชื่อมโยงของผู้คนเรื่องราวชี้ให้เห็นว่าชะตาชีวิตของคนเราสามารถโยงใยกันอย่างลึกซึ้ง

การ์ตูน

Finding Nemo คลื่นชีวิต ปลาน้อยในโลกใหญ่

การกลับมาอีกครั้งในรูปแบบ 3 มิติสุดตระการตา ของภาพยนตร์แอนิเมชั่นเจ้าของรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ที่จะพาผู้ชมกลับไปสู่การผจญภัยใต้ทะเลลึกอีกครั้งกับประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากเดิม พร้อมด้วยเหล่าตัวละครสุดโปรด, มุกตลก, และเรื่องราวสุดประทับใจ Finding Nemo คือเรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นและสนุกสนานของ “มาร์ลิน” ปลาการ์ตูนผู้หวงลูกจนเกินเหตุ (พากย์โดย อัลเบิร์ต บรู๊คส์) และลูกชายของเขา “นีโม” (พากย์โดย อเล็กซานเดอร์ กูลด์) ที่พลัดหลงกันในแนวปะการังใหญ่ เมื่อนีโมถูกจับตัวไปจากมหาสมุทรซึ่งเป็นบ้านของเขา ไปอยู่ในตู้ปลาในห้องทำงานของหมอฟันคนหนึ่ง ด้วยการช่วยเหลือของเพื่อนร่วมทางอย่าง ดอรี่ (พากย์โดย เอลเลน ดีเจเนอเรส) ปลาบลูแทงจ์ผู้เป็นมิตรแต่ความจำสั้น มาร์ลิน ได้ออกเดินทางสู่เส้นทางสุดอันตรายด้วยความพยายามอันยิ่งใหญ่ทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือลูกชายของเขา ที่รวบรวมความกล้ากับแผนการหาทางกลับบ้านด้วยตัวเอง เกร็ดน่ารู้การ์ตูนเรื่องคลื่นชีวิต ปลาน้อยในโลกใหญ่ คลื่นชีวิต ปลาน้อยในโลกใหญ่หรือปลาเล็ก หัวใจโต๊โต ได้รับรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมในปี 2003 ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม-ดนตรี หรือ ตลก เมื่อครั้งที่ออกฉายปลาเล็ก หัวใจโต๊โตคือภาพยนตร์เรท “ทั่วไป” ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล เอลเลน ดีเจเนอเรส ได้รับรางวัล เอ็มทีวี อวอร์ด สาขาการแสดงตลกยอดเยี่ยม ปี 2008

การ์ตูนแอนิเมชัน Kotaro Lives Alone (โคทาโร่ อยู่คนเดียว)
การ์ตูน

การ์ตูนแอนิเมชัน Kotaro Lives Alone (โคทาโร่ อยู่คนเดียว)

โคทาโร่ อยู่คนเดียว ซีรีส์ การ์ตูนแอนิเมชัน ญี่ปุ่นที่เคยถูกพูดถึงอย่างมาก ดัดแปลงมาจากมังงะขายดีของอาจารย์มามิ ซึมุระ เล่าเรื่องของ “ซาโต้ โคทาโร่” เด็กชายวัย 4 ขวบ ที่ย้ายเข้ามาอาศัยในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง โดยใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และได้ทำความรู้จักกับนักเขียนหนุ่ม และหญิงสาวข้างห้อง จนเกิดเป็นมิตรภาพต่างวัย แม้จะดูเหมือนเป็นการ์ตูนเด็ก แต่จริงๆ แล้วการ์ตูนแอนิเมชันญี่ปุ่นเรื่องนี้สอดแทรกข้อคิดดีๆ เกี่ยวกับการยอมรับความอ่อนแอ ให้กำลังใจ และพร้อมกับก้าวเดินต่อไปนั่นเอง มีข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่งที่เพื่อนผู้ทำงานในหน่วยงานพัฒนาเยาวชนเล่าให้ผมฟัง เขาบอกว่าถ้าเจอเด็กที่ “ดูแก่เกินวัย” ให้ตั้งใจสังเกตเอาไว้ดีๆ ยิ่งปูมหลังของเด็กคนนั้นยากลำบาก ความแก่กร้านของเด็กก็ยิ่งปรากฏให้เห็นเด่นชัด เด็กชายเคาะประตูอพาร์ตเมนต์ของคาริโนะ นักเขียนการ์ตูนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ห้องข้างๆ เด็กชายโค้งคำนับ ส่งกระดาษทิชชู่ที่บรรจงเลือกมาเป็นของขวัญแก่เพื่อนบ้านคนใหม่ด้วยมารยาทอันดี พร้อมแนะนำตัวว่าชื่อ ซาโต โคทาโร่ จากนี้ไปจะเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา ด้วยภาษาและสำเนียงของขุนนางโบราณ เจ้าเด็กคนนี้คงลำบากมามากทีเดียว Kotaro Lives Alone เป็นแอนิเมชั่นซีรีส์ที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนตลกชื่อเดียวกัน (ชื่อตามภาษาต้นทางคือ Kotarō wa Hitori Gurashi – โคทาโร่อาศัยอยู่ตามลำพัง) จากปลายปากกาของมามิ ทสึมุระ ตีพิมพ์ตอนแรกในนิตยสารการ์ตูนรายปักษ์ Big

รีวิว ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 25 เจ้าสาวฮาโลวีน
การ์ตูน

รีวิว ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ 25 เจ้าสาวฮาโลวีน

ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เจ้าสาวฮาโลวีน เป็น การ์ตูนแอนิเมชัน เรื่องราวของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะมูฟวี่ กลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลฮาโลวีนกลางย่านชิบูย่า กรุงโตเกียว เมื่อโคนันและเพื่อนๆ ได้รับเชิญไปงานแต่งงานของ “มิวาโกะ ซาโต้” แต่กลับเกิดเหตุคนร้ายกลุ่มหนึ่ง บุกเข้ามาในงาน ทำให้ “วาตารุ ทาคางิ” พยายามปกป้องเจ้าสาวของเขาจนได้รับบาดเจ็บ โคนันสืบพบว่าเหตุการณ์ทุกอย่างกลับถูกเชื่อมโยงเข้ากับมือวางระเบิดที่หลบหนีออกจากเรือนจำพอดี เขาจึงต้องทำหน้าที่นักสืบเพื่อไขปริศนาในครั้งนี้ให้ได้ เดอะมูฟวี่ ภาคนี้ทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติทั้งในด้านการเล่าเรื่องที่ลื่นไหลกระชับฉับไวมาก ช่วงแรกที่ตัดสลับกับดนตรีงานแต่งงานที่บิ๊วอารมณ์ แอบทำจังหวะเสียเพราะรวบไปเนี่ยแหละ มันทำให้แอบรู้สึกว่าหนังรีบเฉลยปมไวไปนิด หลังจากนั้นหนังก็ประเคนคดีเข้าหาใส่โคนัน แต่ก็ไม่วายจะมอบพื้นที่ให้กับโฟกัสหลักของภาคอย่างทาคางิกับซาโต้ที่มีปมสำคัญที่แอบรู้สึกว่ามันเบาไปหน่อยกับคนดูทั่วไปที่ไม่เคยดูซีรีส์มาก่อน แถมเดิมพันก็ไม่ได้สูงพอกับการเป็นเมนหลักของเรื่องด้วย แต่เรื่องความสำคัญคือหวานจนน่าอิจฉาเลยล่ะ เช่นเดียวกับกลุ่มของตำรวจที่บทบาทสำคัญเฉลี่ยตามความเหมาะสม ตัวละครรับเชิญของภาคก็มีความสำคัญแตกต่าง แต่ก็อาจจะไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในขณะที่ตัวฟุรุยะไม่ได้เป็นบทเด่นหลักหรือขโมยซีนทั้งเรื่องอย่างที่คิด เขามีหน้าที่เชื่อมเรื่องความสัมพันธ์ของสี่พยัคฆ์นักเรียนตำรวจเสียมากกว่า ซึ่งช่วงนั้นมันเจ๋งประหนึ่งดูหนังแอ็คชั่นชั้นดีเลยด้วย จนยิ่งน่าสลดหดหู่กับชะตากรรมของสหายที่ล่วงลับไปของเขา ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นความร่วมมือของเขากับโคนันตลอดทั้งเรื่อง เมื่อเทียบกับภาค 22 ประหนึ่งหนังมิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ลเลย พาร์ทของคดี ไม่ได้ซับซ้อน แต่ค่อนข้างจะมีชั้นเชิงน่าติดตามชวนลุ้นขึ้นมากว่าภาคที่แล้วโข แม้จะเดาคนร้ายได้ง่าย แต่ก็ไม่สามารถหามูลเหตุจูงใจที่สมเหตุสมผลได้จนโคนันต้องมาเฉลย และไม่ต้องคิดว่าภาพรวมคดีมันจะเข้าใจยากเหมือนภาคที่แล้ว คราวนี้มันย่อยง่ายกว่า และพาร์ทแอ็คชั่นก็ไม่ได้ใส่มาแบบพร่ำเพรื่อ แต่ใส่มาเพื่อเล่าเรื่องและโชว์ความสามารถของโคนันแบบไม่เฝือมากนัก เมื่อเทียบกับภาคก่อน ๆ เพราะรอบนี้หนังให้ความสำคัญกับ “ความร่วมมือ”

การ์ตูน

up ปู่ซ่าบ้าพลัง กับการผจญภัยครั้งใหม่

การ์ตูนอีกเรื่องหนึ่งสนุกซึ้งกินใจมากๆ นั่นก็คือ up ปู่ซ่าบ้าพลัง ซึ่งเป็นเรื่องราวของชายชราคนหนึ่งที่ได้พบรักกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งหลงรักในการเดินทาง และผจญภัยเหมือนกัน ทั้งคู่จึงได้แต่งงานกัน สามีของเขาสัญญากับภรรยาของเขาว่าสักวันจะพาไปเที่ยวที่อเมริกาใต้ ความฝันของทั้งคู่คือการมีลูกด้วยกันและไปเที่ยวอเมริกาใต้ แต่แล้วความฝันของเขาก็พังทลาย เพราะเขาทั้งคู่ไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และวันหนึ่งภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลง เพราะภรรยาของเขาแก่กว่า เขารู้สึกเสียใจมาก ที่ไม่สามารถทำให้ความฝันของภรรยาเขาเป็นจริงได้ และยึดติดกับความทรงจำที่เคยอยู่กับภรรยาของเขารวมถึงบ้านหลังที่เขาอยู่ เขาผู้ที่รักภรรยาที่จากไปสุดหัวใจ เขาทำทุกทางที่จะให้ความฝันของภรรยาที่จากไปเป็นจริง แต่แล้วก็มีเหตุให้ต้องใช้เงิน ที่เก็บหอมรอมริบมากับภรรยาใช้จ่ายไปทีละนิด การเดินทางเพื่อภรรยา ของเขาจึงเกิดขึ้น เขาได้นำลูกโป่งเป็นแสน ๆ ลูก ผูกติดกับบ้านของเขา และบ้านของเขาก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้า แต่แล้วเขาก็พบว่ามีลูกเสือน้อยวัย 9 ขวบ คนหนึ่งขึ้นมาอยู่ในบ้านของเขาแล้วเขาทั้งคู่จึงได้เป็นคู่หูต่างวัยที่เดินทางไปด้วยกัน ผจญภัยและช่วยกันแก้ปัญหาในระหว่างทางที่เขาเจออะไรที่ทั้งคู่ไม่เคยพบเจอ และลูกเสือน้อยวัย 9 ขวบ คนนั้นก็พร้อมที่จะปั่นป่วนทุกภารกิจที่เข้ามา ลูกเสือวัย 9 ขวบคนนั้นเติบโตมาจากครอบครัวที่มีปัญหา เขาอยู่กับพ่อและแม่เลี้ยง พ่อเขาไม่เคยมีเวลาให้เขา ลูกเสือน้อยวัย 9 ขวบคนนั้นอยากเจอพ่อของเขามาก แต่มีทางเดียวที่จะทำให้เขาพบพ่อของเขาได้ นั่นก็คือเก็บเหรียญลูกเสือให้ครบ และพ่อของเขาจะเป็นคนมาติดเข็มลูกเสือให้ในวันที่เข็มเสือครบเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้เหรียญสุดท้ายมา แต่การเดินทางของชายคนนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะลูกเสือน้อยวัย 9 ขวบคนนั้นเป็นคนที่ช่างสงสัย ซึ่งมีคำถามในตลอดว่าทำไม

การ์ตูน

Monsters University ชีวิตวัยเรียนของไมค์กับซัลลี่

คงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับคนที่เป็นแฟนพิกซาร์อยู่แล้วในการที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวกับภาคก่อนหน้า แต่ถึงอย่างนั้นต่อให้ไม่เคยดู Monster Inc. มาก่อนซึ่งทางเรื่องของ Monsters University ก็ยังเป็นหนังที่ดูได้รู้เรื่องเข้าใจ ด้านหนึ่งมันเหมือนจะแยกขาดจากภาคแรก แต่สำหรับคนที่เคยดูภาคแรก อาจจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เมื่อพบว่าเรื่องราวในภาคนี้มันเหมือนเป็นภาค “ปฐมบท” ของ Monster Inc. ก่อนที่สองสหายนักหลอนตัวยง ทั้งไมค์ วาโซว์สกี้ และ เจมส์ พี.ซัลลี่แวน จะได้ไปเป็นนักเขย่าขวัญขั้นเทพในสังกัดของบริษัทรับจ้างหลอน ความสนุกของมหาลัยมอนส์เตอร์ นอกจากความสนุกที่ยังไม่เสื่อมสลายไปกับกาลเวลา ดูเหมือนว่าประกายความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นมา และนี่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของพิกซาร์ที่ยากจะหาค่ายใดมาทัดเทียม มันเติมเต็มจินตนาการและเปิดโอกาสให้เราได้ขบคิดอย่างกว้างขวาง ไม่แน่ใจว่าจะมีใครรู้สึกเหมือนกับผมหรือเปล่าว่า ฉากท้ายๆ ในหนังที่ซัลลี่แวนบอกกับหนูบูทำนองว่าให้เลิกกลัว มันทำให้คิดต่อไปได้อีกว่า บรรดามอนสเตอร์ทั้งหลายนั้น ไม่น่าจะต่างอะไรกันกับพวกตุ๊กตาตุ๊กตุ่นหลากรูปลักษณ์สีสัน ใช่หรือไม่ว่า ในวัยหนึ่ง เราก็เคยกลัวอะไรพวกนี้ โดยเฉพาะตุ๊กตาที่หน้าตาอั๊กลี่ทั้งหลาย ในวัยเด็ก เราอาจจะแต่งแต้มเรื่องราวให้กับพวกมัน คิดว่ามันมีชีวิต คิดว่ามันเป็นภูตผีปีศาจหรือมอนสเตอร์ เราเล่นกับมัน กลัวมัน ก่อนที่วันเวลาจะค่อยๆ นำพาเราออกมาจากโลกใบนั้น เราโตขึ้น และหมดสิ้นความกลัวอีกต่อไป ความกลัวที่แท้จริงมาจากจิตที่ปรุงแต่งเรื่องราวและเป็นเรื่องทางใจนี่คงไม่ใช่คำที่ใหญ่โตเกินไปยิ่งถ้าหากผู้ชมเองได้ดูอะนิเมชั่นเรื่อง Monsters University แล้ว ก็จะยิ่งกระจ่างชัดขึ้นว่า ที่จริงแล้ว หน้าตาที่น่ากลัว

Scroll to Top