การ์ตูน

ผ่าพิภพไททัน เรื่องราวการต่อสู้ของมนุษยชาติที่ต้องป้องกันตัวเองจากไททันยักษ์ผู้ลึกลับ มีทั้งการวางแผนสู้รบและปมลับในโลกอนาคตที่เข้มข้นมากอนิเมะแนวแอ็กชัน ดราม่า ไซไฟ ที่กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ผ่าพิภพไททัน หรือ Attack on Titan เป็นหนึ่งในอนิเมะที่มีความเข้มข้นและเรื่องราวซับซ้อนที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคนี้ ผลงานที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อดังของ ฮาจิเมะ อิซายามะ เล่าเรื่องราวของโลกที่มนุษย์ต้องอาศัยอยู่ภายในกำแพงสูง เพื่อป้องกันตัวจาก ไททัน หรือยักษ์ขนาดมหึมาที่ล่าและกินมนุษย์เป็นอาหาร เนื้อเรื่องเริ่มต้นด้วยเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เมื่อไททันขนาดยักษ์บุกทำลายกำแพงแรก ทำให้มนุษย์ในเมืองต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียและความหวาดกลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน กลุ่มตัวละครหลักอย่าง เอเรน เยเกอร์, มิคาสะ แอคเคอร์แมน และอาร์มิน อาร์เลิร์ต จึงเริ่มต้นการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษยชาติสิ่งที่ทำให้ Attack on Titan โดดเด่นไม่ใช่แค่ฉากแอ็กชันที่ดุเดือด และการออกแบบตัวไททันที่น่ากลัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงและซับซ้อน ลึกซึ้งไปถึงประเด็นทางสังคม การเมือง ความเชื่อ และธรรมชาติของมนุษย์เอง ความลับของโลกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังไททันและกำแพงถูกเปิดเผยทีละน้อยในแต่ละซีซั่น ทำให้ผู้ชมติดตามอย่างไม่ละสายตา นอกจากนี้ อนิเมะยังถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งความกลัว ความสูญเสีย ความโกรธ และความหวังที่ไม่สิ้นสุด การต่อสู้ของตัวละครไม่ได้เป็นแค่เรื่องร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางจิตใจที่เข้มข้นงานภาพและเสียงก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้ ผ่าพิภพไททัน น่าจดจำ เสียงดนตรีประกอบที่ตื่นเต้นเร้าใจ รวมถึงซีนแอ็กชันที่ใช้เทคนิคแอนิเมชันสุดล้ำ ทำให้ประสบการณ์การรับชมเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความประทับใจ โดยรวม ผ่าพิภพไททัน คืออนิเมะที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวดราม่าแฝงไปด้วยแอ็กชันหนัก ๆ และธีมที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่เพียงการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่ยังสะท้อนถึงความหมายของเสรีภาพและความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง

อนิเมะ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ หรือ Howl’s Moving Castle อีกหนึ่งภาพยนตร์อนิเมชั่นจากสตูดิโอจิบลิเจ้าเก่า ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2004 โดยการกลับมารับหน้าที่กำกับอีกครั้งของ ฮะยะโอะ มิยะซะกิ หลังจากเกษียณอายุงานตัวเองออกไป แต่จำต้องกลับมาทำการกำกับแทนการลาออกอย่างกระทันหันของ มาโมรุ โฮโซดะ ผู้กำกับดิจิมอนซะงั้น โดยสำหรับอนิเมชั่นเรื่องนี้ เป็นการดัดแปลงมาจากเค้าโครงเรื่องของหนังสือชื่อเดียวกันของ ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ ซึ่งได้รังสรรค์ออกมาอย่างงดงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่ผสมผสานไปกับเรื่องราวความรักท่ามกลางไฟสงครามที่น่าจะทำให้ทุกคนชื่นชอบได้ไม่ยาก การันตรีด้วยการได้รับเสนอชื่อให้เข้าชิง รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ในงานประกาศผลรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 78 ในปี 2005   เนื่อเรื่อง เรื่องราวในยุคที่บ้านเมืองกำลังตกอยู่ภายใต้ไฟสงครามจากกองทัพ “โซฟี” หญิงสาววัย 18 ปี ซึ่งรับหน้าที่ในการสานต่อกิจการร้านหมวกจากพ่อ ได้รับการช่วยเหลือจากพ่อมดนามว่า “ฮาวล์” ระหว่างทางที่เธอไปหาน้องสาวและถูกทหารลวนลาม จนเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เธอต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างฮาวล์และแม่มดแห่งทุ่งร้างเมื่อคืนหนึ่งแม่มดร้างปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสาปให้โซฟีกลายเป็นหญิงชราวัย 90 ปี ส่งผลให้โซฟีต้องหลบหนีออกจากบ้านของตัวเองและเดินทางเพื่อหาทางแก้คำสาประหว่างนั้นเอง เธอได้ช่วยเหลือหุ่นไล่กาปริศนาตัวหนึ่ง ซึ่งได้ตอบแทนเธอโดยการนำเธอเข้าไปพักในปราสาทฮาวล์ ซึ่งภายในปราสาทเคลื่อนที่ได้นี้ เธอก็ได้พบกับ “มาร์เคิล” เด็กชายผู้ช่วยของฮาวล์และ “แคลซิเฟอร์” ปีศาจไฟผู้ทำสัญญาบางอย่างกับฮาวล์

นาจา เกิดอีกครั้งก็ยังเทพ เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นแฟนตาซีสามมิติจากแผ่นดินมังกร ที่ยังคงหยิบเอาตัวละคร นาจา มาตีความใหม่ ในเรื่องราวของการกลับชาติมาเกิดในร่างของเด็กหนุ่มนักบิดมอเตอร์ไซต์  หลี่ อวิ๋นเสียง  เมื่อพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวอวิ๋นเสียงเริ่มปรากฏทำให้เหล่าศัตรูจากพันปีก่อนที่ยังซ่อนตัวอยู่บนโลกมนุษย์เริ่มออกล่าเขาอีกครั้ง เพราะเชื่อว่าพลังเทพนาจาในร่างเขาจะนำมาซึ่งหายนะครั้งใหม่ หลี่หยุนเสี่ยง หนุ่มนักซิ่งมอเตอร์ไซค์สุดเท่ ที่มีอาชีพหลักเป็นการค้าของเถื่อนเพื่อเลี้ยงครอบครัวที่มีพ่อ พี่ชายและน้องสาว โดยพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองตงไห่ ดินแดนแห้งแล้งที่ถูกผู้มีอำนาจผูกขาดน้ำไว้ ความเป็นอยู่ของผู้คนในตงไห่จึงไม่ราบรื่นเท่าไหร่นัก จนกระทั่งหยุนเสี่ยงได้เข้าปะทะกับแก๊งมาเฟียของตงไห่ที่มีทั้งอำนาจและพลังพิเศษ ครอบครัวของเขาต้องพบเรื่องร้าย แต่ขณะเดียวกันนั้น หยุนเสี่ยงก็ได้พบว่าในกายของเขา มีพลังของเทพนาจาซ่อนไว้และรอที่จะระเบิดออกมา ความรู้สึกหลังชม นาจา เกิดอีกครั้งก็ยังเทพ ต้องขอชื่นชมการตีความครั้งใหม่ของตัวละครเทพในตำนานอย่าง นาจา ที่ทำออกมาได้อย่างเพลิดเพลิน ตื่นตาตื่นใจ จนรู้สึกว่าคนไทยควรได้ดู แอนิเมชั่น เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์มากกว่าในระบบสตรีมมิ่ง เพราะด้วยองค์ประกอบของงานภาพ แสง สี เสียง ที่เข้าขั้น Worldwide ขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับสตูดิโอของทางประเทศจีนก็ส่งให้ฉากมหาศึกระหว่างเทพและมารในครั้งนี้ น่าจดจำสุดๆ รวมถึงการตีความประเด็นการจุติใหม่ของเทพนาจาในตัวละครพระเอก หลี่ อวิ๋นเสียง  ก็ทำได้น่าติดตาม มีการหยิบเอาตำนานชีวิตของนาจามาปรับประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ของตัวละครในปัจจุบัน ทั้งในแง่นิสัย ปัญหาทางครอบครัวหรือการที่เขาถูกขนามนามว่า ตัวก่อปัญหา จนนำไปสู่ Conflix ที่เข้มข้นและน่าเห็นใจอยู่เสมอสำหรับเรื่องราวของเทพเด็กผู้ทรงพลังอย่างนาจา แต่ตัวเรื่องก็ใช้เวลาพอสมควร ในการปูพื้นตัวละครทั้งตัวหลัก

แอนิเมชันแนวแอ็กชันแฟนตาซีอย่าง ๙ ศาสตรา ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความกล้าหาญ การเสียสละ และความหวัง ผ่านโลกสมมติที่เต็มไปด้วยศิลปะการต่อสู้และตำนานโบราณ โดยเล่าถึงการผจญภัยของ “อ๊อด” เด็กหนุ่มชาวมนุษย์จากเมืองริมทะเล ที่มีโชคชะตากำหนดให้กลายเป็นผู้กอบกู้อาณาจักรรามเทพจากการปกครองของ “เดชา” ราชายักษ์ผู้ชั่วร้าย เดชานำกองทัพยักษ์เข้ายึดเมืองหลวงของรามเทพ ปกครองด้วยความโหดเหี้ยมและใช้ความกลัวควบคุมผู้คน ในขณะที่เหล่าผู้กล้าถูกสังหารหรือหลบหนี การต่อต้านของมนุษย์เหลือน้อยเต็มที แต่ยังมีคำทำนายเก่าแก่ที่กล่าวถึงเก้าศาสตราอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่จะคืนความหวังให้แผ่นดิน และผู้ใช้จะต้องเป็นยอดนักมวยผู้ทรงคุณธรรม อ๊อดเติบโตมาใต้การดูแลของพระครู และฝึกฝนมวยไทยตั้งแต่วัยเยาว์ เขาได้รับภารกิจสำคัญในการนำเก้าศาสตราไปมอบให้เจ้าชายรัชทายาทผู้ลี้ภัย เพื่อรวมพลังปลดปล่อยบ้านเมือง จากนั้นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคจึงเริ่มต้นขึ้น ระหว่างทาง อ๊อดได้พบพ้องเพื่อนใหม่ ได้แก่ “เสี่ยวหลาน” หญิงสาวนักรบผู้เก่งกล้า, “วาตะ” อดีตโจรสลัดครึ่งคนครึ่งลิงผู้ร่าเริง และ “อสูรสีคราม” ยักษ์ใจดีที่หันหลังให้กับเผ่าพันธุ์ของตน ทั้งสี่ต้องฝ่าด่านอันตราย สู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง และเผชิญความจริงอันเจ็บปวดเพื่อรักษาความหวังของผู้คนตลอดเรื่อง ๙ ศาสตรา แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของความกล้าหาญ ความสามัคคี และการเสียสละเพื่อส่วนรวม อีกทั้งยังถ่ายทอดความงดงามของศิลปะมวยไทย ผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยในรูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชันที่น่าประทับใจ โดยถือเป็นหนึ่งในผลงานแอนิเมชันไทยที่ได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยภาพที่สวยงาม เนื้อหาที่เข้มข้น และข้อคิดที่ลึกซึ้ง ทำไมต้องดูการ์ตูนเรื่องเก้าศาสตรา 1.เรื่องราวเข้มข้น เต็มไปด้วยอารมณ์ เก้าศาสตราไม่ได้เป็นแค่การ์ตูนแอนิเมชันธรรมดา แต่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่มีความลึก ถ่ายทอดการต่อสู้ระหว่างความถูกต้องกับความชั่วร้ายอย่างชัดเจน ผ่านการผจญภัยของตัวละครที่ต้องเผชิญทั้งศัตรูภายนอกและความกลัวในใจตนเอง