ซีรี่ส์

ซีรี่ส์

รีวิว Doctor Slump (หัวใจหมอไม่มอดไหม้)
ซีรี่ส์

รีวิว Doctor Slump (หัวใจหมอไม่มอดไหม้)

หลังจากน้องผักหายหน้าหายตาจากวงการไปมีครอบครัวสักพัก ตอนนี้น้องผักกลับมารันวงการแพทย์อีกครั้งกับ Doctor Slump เนื้อเรื่องของซีรีส์เป็นเรื่องราวของ ยอจองอู (รับบทโดย พัคฮยองชิก) และ นัมฮานึล (รับบทโดย พัคชินฮเย) ได้กลับไปเจอกันหลังจากทั้งคู่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่เมื่อถึงช่วงเวลาที่สองคนตกต่ำที่สุดในชีวิต การเยียวยาหัวใจของกันและกันก็ได้เริ่มต้นขึ้น ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่น่าจะชุบใจใครหลาย ๆ คนได้ในปีนี้เลย   เรื่องย่อ Doctor Slump ซีรีส์ Doctor Slump | หัวใจหมอไม่มอดไหม้ | 닥터슬럼프 (2024) บอกเล่าเรื่องราวของหมออัจฉริยะสองคน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่ปรับสมัยเรียน ยอจองอู (พัคฮยองชิก) จบหมอศัลยกรรมจากมหาวิทยาลัยฮันกุก ทำงานเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของคลีนิคศัลยกรรมชื่อดัง แต่โชคร้าย ระหว่างผ่าตัด คนไข้เสียชีวิต ขณะกำลังตัดสินใจจบปัญหาทุกอย่าง เขาก็ได้พบกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุดในชีวิต นัมฮานึล (พัคชินฮเย) สาวเด็กเรียนคู่แข่งที่หมายมั่นอยากเรียนแพทย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา แต่ทำไม่สำเร็จสุดท้ายจบสาขาวิสัญญีแพทย์ และทำงานเป็นหมอดมยาในโรงพยาบาลใหญ่ วัน ๆ นอกจากทำงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ยังต้องช่วยงานวิจัยของรุ่นพี่ ทั้ง ๆ ที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่กลับไม่ได้รับคำขอบคุณ หรือรางวัลที่สมกับความเหน็ดเหนื่อย ทำงานหนักจนเครียด ป่วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า […]

the-dark-poster
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ Dark ปมเวลา ความลับ และความหายนะในเงามืด

ซีรีส์ Dark แนวไซไฟ-ทริลเลอร์จากเยอรมนีที่ออกฉายผ่าน Netflix ในปี 2017 ถึง 2020 รวมทั้งหมด 3 ซีซั่น โดยผลงานนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ซับซ้อนและทรงพลังที่สุดเรื่องหนึ่งของยุคใหม่ ด้วยโครงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามเวลา ปรัชญาเชิงลึก และความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่พันกันยุ่งเหยิงอย่างยากจะแยกแยะ   ซีรีส์เริ่มต้นในเมืองเล็กๆของเยอรมันชื่อว่า “วินเดน” ที่ดูเหมือนจะสงบสุขแต่เต็มไปด้วยความลับ เมื่อเด็กหนุ่มชื่อมิคาเอลหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้เกิดการสืบสวนและจุดชนวนเหตุการณ์ประหลาดมากมาย เมื่ออีกเด็กคนหนึ่งชื่อมิคเคลหายตัวไปตามมา ก็เริ่มปรากฏเงื่อนงำว่าเหตุการณ์เหล่านี้เชื่อมโยงกับการเดินทางข้ามเวลา ผ่านถ้ำลึกลับที่ตั้งอยู่ใกล้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเมือง จากจุดเริ่มต้นที่ดูเหมือนการสืบสวนหาคนหาย ซีรีส์ค่อย ๆ เปิดเผยความลับที่เชื่อมโยงคนในเมืองเข้าด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งในแง่สายเลือด ความรัก การนอกใจ และการทรยศ การเดินทางข้ามเวลาไม่เพียงแต่เปลี่ยนอดีตหรืออนาคตเท่านั้น แต่ยังกลืนกินศีลธรรม ความดี ความเลว และตัวตนของมนุษย์     มีบทที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ มีหลายไทม์ไลน์ (ตั้งแต่ปี 1888 จนถึง 2053) และตัวละครจำนวนมากที่เชื่อมโยงกันในหลายช่วงเวลา ซีรีส์ใช้โครงสร้างการเล่าเรื่องแบบ “ลูปเวลา” (time loop) ที่มีความหมายเชิงปรัชญาลึกซึ้งเกี่ยวกับชะตากรรม (fate), เสรีภาพ (free will),

Peaky Blinders
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ Peaky Blinders อาชญากรรมที่มาพร้อมศักดิ์ศรีและไฟสงคราม

เป็นซีรีส์แนวดราม่าอาชญากรรมสัญชาติอังกฤษที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร Peaky Blinders ด้วยบรรยากาศหม่นหมองของยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ถ่ายทอดผ่านครอบครัวเชลบี้ ซึ่งเป็นแก๊งมาเฟียแห่งเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ จุดเด่นของเรื่องอยู่ที่การดำเนินเรื่องที่เข้มข้น ตัวละครหลักที่มีเสน่ห์ลึกลับ และการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงทางจิตวิทยาและการเมือง     เริ่มต้นที่ปี 1919 ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เรื่องราวติดตาม โธมัส “ทอมมี่” เชลบี้ (รับบทโดย Cillian Murphy) หัวหน้าแก๊ง Peaky Blinders ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะแก๊งอันธพาลที่มีระเบียบวินัยและชาญฉลาด พวกเขาทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่าง ทั้งการพนัน การลักลอบค้าอาวุธ ไปจนถึงการฟอกเงิน หลังจากกลับมาจากสนามรบ ทอมมี่ที่เคยเป็นทหารผ่านศึก กำลังพยายามขยายอิทธิพลของแก๊งให้ไปไกลกว่าถนนแคบๆ ของเบอร์มิงแฮม เขาไม่ได้ต้องการแค่เงินทอง แต่เขาหมายตาอำนาจทางการเมือง และความเคารพจากชนชั้นสูง ซึ่งพล็อตของเรื่องจะค่อยๆ เปิดเผยให้เห็นว่าทอมมี่ไม่ได้เป็นแค่อาชญากรธรรมดา แต่เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ลึกซึ้ง   ตัวละครถือเป็นหัวใจของเรื่อง โดยเฉพาะทอมมี่ เชลบี้ ที่แสดงโดย Cillian Murphy อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นคนฉลาด เด็ดเดี่ยว แต่ในขณะเดียวกันก็มีด้านมืดและความเจ็บปวดจากอดีตที่ฝังลึก การแสดงของ Murphy ทำให้คนดูรู้สึกทั้งชื่นชมและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน

hero-image.fill.size_1248x702.v1
ซีรี่ส์

รีวิวซีรี่ย์ The Mandalorian (ดิ แมนดาโลเรียน)

ซีรี่ย์ไลฟ์แอ็กชัน The Mandalorian จากจักรวาล Star Wars ที่ออกอากาศผ่านแพลตฟอร์ม Disney+ ตั้งแต่ปี 2019 ผลิตโดย Jon Favreau และกลายเป็นหนึ่งในผลงานที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างกว้างขวางในยุคหลังของแฟรนไชส์ Star Wars โดยเฉพาะจากแฟนๆ ที่ผิดหวังกับภาพยนตร์ภาคหลักบางเรื่องในช่วงหลัง เรื่องราวของซีรี่ย์นี้เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ในภาพยนตร์ Return of the Jedi (ภาค 6) ไม่กี่ปี โลกจักรวาลอยู่ในช่วงหลังการล่มสลายของจักรวรรดิ และยังไม่มีระเบียบใหม่เข้ามาทดแทนอย่างชัดเจน สะท้อนถึงความไร้เสถียรภาพในระบบต่างๆ ที่เปรียบเสมือนช่วงยุคคาวบอยของกาแล็กซี่ ตัวเอกของเรื่องคือ Din Djarin หรือ The Mandalorian รับบทโดย Pedro Pascal นักล่าค่าหัวผู้สวมชุดเกราะ Beskar ที่มีหลักการของชนเผ่าแมนดาโลเรียนอย่างเคร่งครัด เขาได้รับภารกิจให้จับสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ภายหลังกลายเป็นตัวละครที่คนทั้งโลกรู้จักในชื่อ “Grogu” หรือที่แฟนๆ มักเรียกว่า “Baby Yoda” ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างลึกซึ้งและกลายเป็นหัวใจของเรื่อง   จุดเด่นสำคัญของซีรี่ย์นี้อยู่ที่บรรยากาศแบบ “Space Western” ซึ่งผสมผสานกลิ่นอายของภาพยนตร์คาวบอยคลาสสิกเข้ากับโลกไซไฟได้อย่างลงตัว

สตีฟ เมอร์ฟี
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ Narcos เมื่ออาชญากรรมกลายเป็นประวัติศาสตร์

คือซีรีส์แนวอาชญากรรม-ชีวประวัติ Narcos ที่สร้างโดย Chris Brancato, Carlo Bernard และ Doug Miro ออกฉายครั้งแรกทาง Netflix ในปี 2015 โดยเล่าเรื่องจริงของหนึ่งในอาชญากรที่โด่งดังที่สุดในโลก — พาโบล เอสโกบาร์ ราชายาเสพติดแห่งโคลอมเบีย ซีรีส์นี้แบ่งออกเป็นหลายซีซั่น โดย 2 ซีซั่นแรกจะโฟกัสที่ชีวิตของเอสโกบาร์ และซีซั่นที่ 3 จะต่อเนื่องไปยังเรื่องราวของแก๊งคาลี (Cali Cartel) ที่เข้ามามีบทบาทหลังการล่มสลายของอาณาจักรเมเดยิน   ใช้สไตล์การเล่าเรื่องแบบกึ่งสารคดี โดยมีเสียงบรรยาย (voice-over) จากสายลับ DEA ชาวอเมริกันอย่าง สตีฟ เมอร์ฟี (รับบทโดย Boyd Holbrook) และต่อมา ฮาเวียร์ เปญ่า (รับบทโดย Pedro Pascal) เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ตัวซีรีส์ผสมผสานภาพเหตุการณ์จริงเข้ากับการถ่ายทำ ทำให้ความรู้สึกในการรับชมเหมือนกำลังดูประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต การเล่าเรื่องไม่เพียงแค่สะท้อนถึงพฤติกรรมของอาชญากรเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงผลกระทบของยาเสพติดต่อประเทศ ระบบการเมือง และชีวิตของผู้คน Wagner

black-mirror-happy-endings
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ Black Mirror (แบล็ก มิร์เรอร์)

ซีรีส์แนวไซไฟ ระทึกขวัญ Black Mirror จากประเทศอังกฤษที่สร้างโดย Charlie Brooker ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมู่ผู้ชมที่สนใจประเด็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี อนาคต และผลกระทบทางสังคม ซีรีส์เรื่องนี้มีลักษณะเด่นคือเป็น anthology series หรือซีรีส์แบบเรื่องสั้นแต่ละตอนมีเนื้อเรื่องและตัวละครที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งช่วยให้ผู้ชมสามารถเลือกดูตอนใดตอนหนึ่งได้โดยไม่ต้องดูเรียงตามลำดับ จุดแข็งของ Black Mirror คือความสามารถในการจับประเด็นร่วมสมัย เช่น การเสพติดโซเชียลมีเดีย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การควบคุมจิตใจ เทคโนโลยีการสอดแนม และโลกเสมือน มาเล่าใหม่ในรูปแบบสุดโต่งที่กระตุ้นความคิดและตั้งคำถามถึงจริยธรรม เทคโนโลยี และสังคมในอนาคต หนึ่งในตอนที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดคือ “San Junipero” จากซีซั่น 3 ซึ่งแตกต่างจากตอนอื่นที่มักมีโทนหม่นหมอง เพราะตอนนี้เล่าเรื่องความรักระหว่างผู้หญิงสองคนในโลกเสมือนที่ใช้สำหรับเก็บจิตสำนึกของผู้เสียชีวิต ถือเป็นตอนที่อบอุ่นและให้ความหวัง ในขณะที่ตอนอย่าง “White Bear” หรือ “Shut Up and Dance” สะท้อนด้านมืดของความยุติธรรมและการลงโทษผ่านเทคโนโลยีอย่างถึงพริกถึงขิง   ซีรีส์นี้ยังมีความหลากหลายในแง่ของโทนและแนวเรื่อง บางตอนเป็นดราม่าลึกซึ้ง เช่น “Be Right

The Crown
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ The Crown เมื่อราชวงศ์กลายเป็นละครที่ยิ่งใหญ่กว่าความจริง

ซีรีส์ดราม่าชีวิตจริง The Crown ที่บอกเล่าเรื่องราวของราชวงศ์อังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชีวิตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 นับตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ในช่วงปี 1950s ไปจนถึงเหตุการณ์สำคัญในศตวรรษที่ 21 ซีรีส์นี้ไม่เพียงแค่บอกเล่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเปิดเผยให้เห็นเบื้องหลังอารมณ์ ความขัดแย้ง และภาระหนักอึ้งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความหรูหราและเกียรติยศของราชวงศ์ หนึ่งในจุดแข็งที่สุดของ The Crown การเล่าเรื่องที่มีจังหวะนิ่งลึกแต่เข้มข้น ทุกตอนนำเสนอช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการณ์ซูเอซ สงครามฟอล์กแลนด์ หรือความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับเจ้าหญิงไดอานา โดยแต่ละเหตุการณ์ถูกนำเสนอผ่านมุมมองของราชวงศ์และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสร้างอารมณ์ร่วมและทำให้ผู้ชมได้เข้าใจว่าเบื้องหลังคำว่า “หน้าที่” นั้นหมายถึงอะไร อีกสิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือความอลังการของโปรดักชัน ลงทุนอย่างมหาศาลในด้านเครื่องแต่งกาย ฉาก และสถานที่ถ่ายทำ ทุกสิ่งได้รับการออกแบบให้ใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังบักกิงแฮม ห้องทรงงาน หรือแม้กระทั่งรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างเครื่องเพชรของราชินี ล้วนถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความประณีต ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในยุคนั้นจริง ๆ   การเลือกนักแสดงของซีรีส์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญ โดยแต่ละซีซันจะมีการเปลี่ยนนักแสดงตามช่วงวัยของตัวละคร ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพราะช่วยเพิ่มความสมจริงและต่อเนื่องในเชิงเวลายิ่งขึ้น แคลร์ ฟอย ในบทสมเด็จพระราชินีช่วงวัยสาว ถ่ายทอดความสับสนและความแข็งแกร่งได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนโอลิเวีย โคลแมน ที่มารับไม้ต่อในวัยกลางคน ก็สามารถถ่ายทอดความเงียบขรึมและความเจ็บปวดจากภาระของราชินีได้อย่างลึกซึ้ง ขณะเดียวกัน เอ็มมา คอร์ริน

ซีรีส์แนวแฟนตาซีดราม่า
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ Game of Thrones แนวแฟนตาซีดราม่า

เป็นซีรีส์แนวแฟนตาซีดราม่า Game of Thrones ที่สร้างจากนิยายชุด A Song of Ice and Fire ของ George R.R. Martin ออกอากาศครั้งแรกในปี 2011 และจบลงในปี 2019 รวมทั้งหมด 8 ซีซัน ผลิตโดย HBO ด้วยงบประมาณมหาศาลและทีมงานคุณภาพ ซีรีส์นี้กลายเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 21 เนื้อเรื่องหลักของ Game of Thrones วนเวียนอยู่กับการแย่งชิงบัลลังก์เหล็ก (Iron Throne) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดของทวีปเวสเทอรอส (Westeros) บรรดาเหล่าขุนนางจากตระกูลต่าง ๆ เช่น Stark, Lannister, Targaryen, Baratheon และ Greyjoy ต่างก็พยายามช่วงชิงอำนาจ โดยที่เบื้องหลังมีทั้งการเมือง การทรยศ ความรัก และเวทมนตร์ที่เริ่มกลับมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน หนึ่งในจุดแข็งของซีรีส์นี้คือการสร้างตัวละครที่มีมิติ ไม่แบ่งแยกขาว-ดำอย่างชัดเจน ตัวละครอย่าง Tyrion Lannister

หน้ากากดาลี
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีส์ Money Heist (La Casa de Papel)

ในซีรี่ส์เรื่อง Money Heist (ชื่อภาษาสเปน: La Casa de Papel) เป็นซีรีส์แนวอาชญากรรมจากสเปนที่สร้างโดย Álex Pina ซึ่งกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกหลังจากที่ Netflix นำมาฉายทั่วโลก ซีรีส์เรื่องนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และมีทั้งหมด 5 พาร์ต (รวม 41 ตอน) โดยแต่ละตอนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ฉากดราม่าที่ตราตรึง และแผนการที่ชาญฉลาด เรื่องราวเริ่มต้นจากชายลึกลับที่ใช้ชื่อว่า “ศาสตราจารย์” (The Professor) วางแผนปล้นโรงกษาปณ์ของสเปนด้วยการรวบรวมกลุ่มอาชญากรที่มีความสามารถเฉพาะตัว โดยแต่ละคนใช้ชื่อเมืองเป็นโค้ดเนม เช่น โตเกียว, เบอร์ลิน, ไนโรบี, เดนเวอร์, ริโอ ฯลฯ เป้าหมายของพวกเขาคือการพิมพ์เงินกว่า 2.4 พันล้านยูโร โดยต้องควบคุมสถานที่ กำจัดอุปสรรคจากตำรวจ และประคับประคองความสัมพันธ์ในกลุ่มที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่โดดเด่นใน Money Heist คือบทที่เขียนอย่างมีชั้นเชิง ตัวละครมีมิติและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผู้ชมจะค่อยๆ เข้าใจว่าเบื้องหลังการปล้นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่ยังสะท้อนถึงการต่อต้านระบบ เผด็จการ การเมือง และชนชั้นในสังคมอย่างแหลมคม

Breaking Bad
ซีรี่ส์

รีวิวซีรีย์ Breaking Bad ดีที่สุดตลอดกาล

ซีรีย์ที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในซีรีย์ที่ดีที่สุดตลอดกาล Breaking Bad ผลงานสร้างโดย Vince Gilligan ที่ได้รับความนิยมและการยอมรับในวงกว้าง ไม่เพียงแต่จากนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป แต่ยังได้รับรางวัลและคำชมจากหลายสถาบันในวงการบันเทิง ซีรีย์เรื่องนี้เต็มไปด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวที่เข้มข้น การพัฒนาของตัวละคร และการแสดงที่ทรงพลังที่ทำให้ผู้ชมไม่สามารถละสายตาไปจากหน้าจอได้   เล่าเรื่องของ วอลเตอร์ ไวท์ (Bryan Cranston) ครูวิทยาศาสตร์ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดในระยะสุดท้าย ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจที่จะหาวิธีเพื่อให้ครอบครัวของเขามีเงินใช้หลังจากที่เขาจากไป เขาจึงตัดสินใจเข้าสู่โลกมืดของการผลิตและขายยา คริสตัลเมธ ร่วมกับอดีตนักเรียนของเขา เจสซี่ พิงค์แมน (Aaron Paul) วอลเตอร์เริ่มจากการทำเพื่อครอบครัว แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจและความสามารถในการควบคุมโลกใต้ดินนี้ และความชั่วร้ายเริ่มแทรกซึมเข้าสู่ตัวเขาอย่างช้าๆ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวละครที่รุนแรง สิ่งที่ทำให้ Breaking Bad มีความพิเศษคือการพัฒนาของตัวละครหลัก โดยเฉพาะวอลเตอร์ ไวท์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ผู้ชมต้องตั้งคำถามว่าเขาคือผู้ถูกกระทำหรือผู้กระทำความชั่วในท้ายที่สุด การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นจากความหวังดีที่เขามีให้กับครอบครัว แต่เมื่อเขาเข้าสู่โลกของยาเสพติด เขากลับกลายเป็น “Heisenberg” บุคลิกที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและความรุนแรง และมีความทะเยอทะยานที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เจสซี่ พิงค์แมนก็เป็นอีกตัวละครที่มีการพัฒนาอย่างชัดเจนจากเด็กหนุ่มที่เริ่มต้นเป็นผู้ค้าและผลิตยาไปสู่การต่อสู้กับความผิดบาปและความรู้สึกผิดที่เขามี ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามหลีกหนีจากโลกมืดนี้ เขาก็ยังคงไม่สามารถหลุดพ้นจากมันได้   เขียนได้อย่างมีชั้นเชิง โดยเฉพาะในเรื่องของการแทรกแซงจิตใจของตัวละครและการทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความกดดันในทุกๆ ตอน ตัวซีรีย์ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความดาร์กและความไม่แน่นอนในทุกสถานการณ์ การสร้างความตึงเครียดนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้การตัดต่อที่คมคาย

Scroll to Top