หนัง

หนัง

รีวิว ภาพยนตร์ Red One
Uncategorized, หนัง

รีวิว ภาพยนตร์ Red One

สำหรับ Red One เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นคอเมดี้แฟนตาซีเกี่ยวกับคริสต์มาส ที่ผสมผสานเรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นเข้ากับอารมณ์ขันและจิตวิญญาณแห่งเทศกาล กำกับโดย เจค แคสแดน และนำแสดงโดย ดเวย์น “เดอะร็อก” จอห์นสัน และ คริส อีแวนส์ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่ ขั้วโลกเหนือ ซึ่งไม่ใช่แค่สถานที่ในจินตนาการ แต่เป็นศูนย์บัญชาการลับที่ถูกปกป้องอย่างแน่นหนาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและ เวทมนตร์ ที่นี่เป็นที่ตั้งของ MORA (Mythological Oversight and Restoration Authority) องค์กรลับที่คอยดูแลและปกป้องสิ่งมีชีวิตและบุคคลในตำนานจากทั่วโลก หนึ่งในสมาชิกที่สำคัญที่สุดของ MORA คือ ซานตาคลอส (J.K. Simmons) ผู้เป็นที่รู้จักในนามรหัสว่า “Red One” ซานต้าเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยพลังวิเศษ ไม่ใช่แค่ชายชราใจดีที่แจกของขวัญเท่านั้นในคืนก่อนวันคริสต์มาสอีฟ ซานต้า กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ สร้างความปั่นป่วนให้กับขั้วโลกเหนือทั้งหมด เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเป็นภัยคุกคามต่อการส่งมอบของขวัญทั่วโลกการเผชิญหน้าระหว่างสองขั้วตรงข้ามเพื่อตามหาซานต้ากลับมา คัลลัม ดริฟต์ (Dwayne Johnson) หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของซานต้า และเป็นอดีตหน่วยซีลที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ทุกรูปแบบ ได้รับมอบหมายให้ตามหาซานต้ากลับมาให้ได้ทันเวลา คัลลัมเป็นคนที่จริงจัง เคร่งขรึม และไม่เชื่อในจิตวิญญาณแห่งคริสต์มาสแล้ว เนื่องจากประสบการณ์อันเจ็บปวดในอดีต […]

12th Fail
หนัง

รีวิวภาพยนตร์ 12th Fail ความมุ่งมั่นอันไร้ขีดจำกัด สู่ฝันที่เป็นจริง

12th Fail คือภาพยนตร์อินเดียที่สร้างจากเรื่องจริงอันน่าทึ่งของ มาโนจ กุมาร ชาร์มา ชายหนุ่มจากชนบทที่ยากจน ผู้มีเป้าหมายอันแรงกล้าในการสอบผ่านการสอบ UPSC (Union Public Service Commission) เพื่อก้าวเป็นเจ้าหน้าที่ IPS (Indian Police Service) แม้ว่าจุดเริ่มต้นของเขาจะเต็มไปด้วยอุปสรรคและความล้มเหลวมากมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวความสำเร็จส่วนบุคคล แต่ยังสะท้อนถึงระบบการศึกษาและสังคมในอินเดียได้อย่างลึกซึ้ง และเป็นเครื่องยืนยันว่าความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้นั้น สามารถเอาชนะทุกความท้าทายได้อย่างแท้จริง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่หมู่บ้านเล็กๆ ในรัฐมัธยประเทศ ที่ซึ่งมาโนจใช้ชีวิตวัยเด็กอันแร้นแค้น เขาเป็นเพียงนักเรียนที่ สอบตก ชั้นประถมศึกษาปีที่ 12 ด้วยการโกงข้อสอบมาตลอดชีวิต กระทั่งวันที่เขาได้พบกับตำรวจน้ำดีที่เปลี่ยนทัศนคติของเขาให้ตระหนักถึงคุณค่าของความซื่อสัตย์สุจริต และจุดประกายความฝันที่จะเป็นตำรวจเพื่อรับใช้สังคม มาโนจตัดสินใจออกเดินทางสู่กรุงเดลี เมืองหลวงแห่งโอกาสและการแข่งขัน เพื่อเตรียมตัวสอบ UPSC ซึ่งเป็นการสอบที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุดในอินเดีย ด้วยความรู้ที่ติดตัวมาน้อยนิด และเงินทองที่มีจำกัด เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากนานัปการ ทั้งการไม่มีที่พัก การทำงานพาร์ทไทม์เพื่อหาเลี้ยงชีพ การอดมื้อกินมื้อ และการถูกดูถูกจากผู้คนรอบข้าง สิ่งที่ทำให้ 12th Fail มีพลังและน่าติดตามคือการนำเสนอเรื่องราวชีวิตของมาโนจได้อย่างตรงไปตรงมาและสมจริง ผู้กำกับ วิธู วิโนท โชปรา เลือกที่จะไม่ตกแต่งเรื่องราวให้เกินจริง แต่เน้นไปที่การถ่ายทอดความพยายาม ความผิดหวัง และการล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ของตัวละครอย่างเป็นธรรมชาติ เราได้เห็นมาโนจทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่ล้างจานในร้านอาหาร จนกระทั่งไปขับรถลากเพื่อหาเงินมาเรียนพิเศษและซื้อตำราเรียน ฉากที่เขาอ่านหนังสืออยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บในห้องเล็กๆ หรือการที่เขาต้องเผชิญกับความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากการสอบตกถึงสามครั้งนั้น ช่างเป็นภาพที่กินใจและสะท้อนถึงความมุ่งมั่นอันไร้ขีดจำกัดของมนุษย์ นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังนำเสนอเรื่องราวความรักของ มาโนจกับ ชราดธา ผู้หญิงที่เข้าใจและคอยเป็นกำลังใจให้เขาเสมอ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่ช่วยให้เขาก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ 12th Fail เป็นมากกว่าแค่ภาพยนตร์ชีวประวัติทั่วไป มันคือแรงบันดาลใจที่ส่งผ่านพลังบวกให้กับผู้ชม ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยใด หรือกำลังเผชิญกับความท้าทายแบบไหนก็ตาม เรื่องราวของมาโนจ กุมาร ชาร์มา จะทำให้คุณเชื่อมั่นว่าการศึกษาไม่ได้เป็นเพียงแค่การท่องจำ แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับความล้มเหลว การกัดฟันสู้ และการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่เล่นตลก ภาพยนตร์เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า “การสอบตก” ไม่ได้หมายถึง “ความล้มเหลว” ตลอดไป แต่เป็นเพียงบทเรียนหนึ่งในเส้นทางสู่ความสำเร็จที่แท้จริง ใครที่กำลังมองหาภาพยนตร์ที่จุดประกายพลังใจ และทำให้คุณกลับมามีแรงฮึดสู้เพื่อทำตามความฝันอีกครั้ง 12th Fail คือคำตอบที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

หนัง

รีวิวหนัง The French Dispatch กวีรักแห่งหนังสือพิมพ์

ในหนังเรื่อง The French Dispatch หรือชื่อไทย “กวีรักแห่งหนังสือพิมพ์” คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับที่มีลายเซ็นเฉพาะตัวอย่าง เวส แอนเดอร์สัน (Wes Anderson) หนังเรื่องนี้ออกฉายในปี 2021 และเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ได้รับเสียงชื่นชมจากสายหนังอาร์ตและคอหนังที่ชื่นชอบความแปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง เนื้อหาหลักเล่าผ่านโครงสร้างที่เหมือนหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่ง ประกอบด้วยเรื่องสั้น 3 ตอนหลัก และอีก 1 ตอนเกริ่นนำ โดยทุกตอนเกิดขึ้นภายในเมืองสมมติชื่อว่า Ennui-sur-Blasé เมืองเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสในยุคกลางศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นฉากหลังที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายวินเทจ ศิลปะ และความเปรี้ยวของยุโรปยุคเก่า ตอนเกริ่นนำเปิดเรื่องด้วยการแนะนำกองบรรณาธิการของนิตยสาร ซึ่งมี อาเธอร์ ฮาวิเซอร์ จูเนียร์ รับบทโดย Bill Murray เป็นบรรณาธิการใหญ่ผู้มีความรักในการทำสื่อสิ่งพิมพ์แบบสุดหัวใจ จากนั้นหนังพาเราเข้าสู่เรื่องสั้น 3 ตอนที่มีความแตกต่างทางเนื้อหาและโทนอย่างชัดเจน เรื่องแรก “The Concrete Masterpiece” เป็นเรื่องราวของศิลปินผู้ถูกคุมขังในเรือนจำ รับบทโดย Benicio Del Toro ที่สร้างงานศิลปะอันโด่งดัง จนกระทั่งกลายเป็นกระแสในวงการศิลปะโลก เรื่องนี้สะท้อนถึงเสรีภาพทางศิลปะ ความหลงใหล

หนัง

รีวิวหนัง M3GAN 2.0 เมแกน 2 อัปเกรดเวอร์ชันหนนี้ ชีแกงส์ ชีแรงส์ ชีจึ้ง ชีนอนมง

     จากหนังระทึกขวัญไซบอร์กที่สร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮาไปทั้งโลกไปเมื่อต้นปี 2022 บัดนี้นางกลับมาอีกครั้งกับเวอร์ชันอัปเกรดใหม่เอี่ยมอ่อง เพิ่มท่วงท่าลีลาและเทคโนโลยีใหม่สุดปังเข้าไปด้วย กลายออกมาเป็น M3GAN 2.0 ภาคต่อหนังเรื่องดังที่ดูทรงแล้วครั้งนี้ เป็นเหมือนการยกระดับสุดเป็นทวีคูณ ดูทรงจะแรงยิ่งกว่าและน่าจะแซ่บขึ้นมากขึ้นเวลาได้ผ่านล่วงเลยไปแล้ว 2 ปี แล้วนับตั้งแต่เมแกนออกอาละวาด ในตอนนี้ผู้สร้างของเธออย่าง เจมม่า จำเป็นต้องชุบชีวิตผลงานอันอื้อฉาวของเธอขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อต่อกรกับอามิเลีย หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอาวุธทางการทหารสุดอันตราย ที่ได้ขโมยเทคโนโลยีภายในตัวของเมแกนไปนำไปเป็นส่วนประกอบ ถ้าหากว่าจะมีใครที่หยุดยั้งได้..เห็นทีก็มีแค่ชี..เมแกน เวอร์ชั่นอัปเกรดล่าสุดเจอราร์ด จอห์นสโตน ผู้กำกับจากภาคแรกยังคงกลับมารับหน้าที่สานต่อความปังในหนังภาคนี้อีกเช่นเคย โดยเขายังคงรับหน้าที่กำกับและดูแลในแง่บทหนังอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จจากภาคที่แล้วก็น่าจะสามารถเพิ่มภาษีในการเรียกร้องเพิ่มเติมในองค์ประกอบงานสร้างอื่น ๆ ได้ชัดเจน สัมผัสได้เลยว่าหนังภาคนี้น่าจะได้ทุนสร้างหนาขึ้นเป็นกอง นั่นจึงกลายมาเป็นที่มาของการจัดเต็มใส่เต็มของผู้กำกับในครั้งนี้        หลาย ๆ ฝ่ายอาจจะกังวลว่า M3GAN 2.0 จะเดินตามรอยสูตรเดียวกับหนัง สงครามหุ่นยนต์ แบบ Terminator หรือเปล่า บอกได้เลยว่าหนังสุดคลาสสิกเรื่องนั้นปล่อยให้เป็นอดีตไป เพราะอย่าลืมว่าโลกของเทคโนโลยีไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว มีการพัฒนาเวอร์ชันใหม่ ๆ ออกมาทดแทนเสมอ และนั่นก็คือโจทย์ที่หนังเรื่องนี้พยายามตีให้แตกและขยายประเด็นออกมาด้วยความทะเยอทะยานที่ขยายขอบเขตมากยิ่งขึ้นแม้ว่าเอาเข้าจริง ๆ แล้ว M3GAN 2.0 ก็ไม่ต่างอะไรจากหนังประเภท หอแต๋วแตก ในบ้านเรา เพราะทำออกมาเพื่อเสพย์ความบันเทิงเท่านั้น

บ้านเวทมนตร์ นาฬิกาอาถรรพ์
Uncategorized, หนัง

รีวิว ภาพยนต์ บ้านเวทมนตร์ นาฬิกาอาถรรพ์

การ รีวิวภาพยนตร์ เรื่อง บ้านเวทมนตร์ นาฬิกาอาถรรพ์ (The House with a Clock in Its Walls) เป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซีผจญภัยที่สร้างจากนวนิยายคลาสสิกชื่อเดียวกันของ จอห์น เบลแลร์ส (John Bellairs) เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1955 โดยมีตัวละครหลักคือ ลูอิส บาร์นาเวลท์ (Lewis Barnavelt) เด็กชายกำพร้าวัย 10 ขวบที่ต้องย้ายไปอยู่กับลุงของเขา โจนาธาน บาร์นาเวลท์ (Jonathan Barnavelt) ในเมืองเล็กๆ ที่มีชื่อว่า นิวเซเบดี รัฐมิชิแกน เมื่อลูอิสมาถึงบ้านของลุง โจนาธาน เขาก็พบว่าบ้านหลังนี้มีความแปลกประหลาดและลึกลับอย่างยิ่ง และได้พบกับเพื่อนบ้านและเพื่อนสนิทของลุง ฟลอเรนซ์ ซิมเมอร์แมน (Florence Zimmerman) ซึ่งเป็นแม่มดผู้มีพลังมากลูอิสได้ค้นพบความลับที่น่าตกใจว่าลุงของเขาเป็น พ่อมด (warlock) และบ้านหลังนี้ก็ไม่ใช่บ้านธรรมดา แต่เป็นบ้านที่มีเวทมนตร์ และมีเสียงติ๊กต็อกของนาฬิกาปริศนาดังอยู่ตลอดเวลาจากภายในกำแพงบ้าน ลุงโจนาธานและฟลอเรนซ์กำลังตามหานาฬิกาเรือนนี้ เพราะมันถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าของบ้านคนเก่า ไอแซค อิซาร์ด (Isaac

A Boy Called Christmas
หนัง

รีวิวหนัง A Boy Called Christmas

ภาพยนตร์เรื่อง A Boy Called Christmas พาเราย้อนกลับไปสู่ต้นกำเนิดของตำนานซานตาคลอสในแบบที่อบอุ่นหัวใจและชวนฝัน นี่คือเรื่องราวของ นิกอลาส (รับบทโดย เฮนรี ลอว์ฟูล) เด็กชายผู้มองโลกในแง่ดีและมีจิตใจบริสุทธิ์ ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ปกคลุมด้วยหิมะกับพ่อของเขา (รับบทโดย มิไคล์ ฮุยส์แมน) และป้าคาร์ลอตตาผู้เข้มงวด (รับบทโดย คริสเตน วิอิก) ชีวิตของนิกอลาสเต็มไปด้วยความยากลำบาก หลังจากการจากไปของแม่ เขาต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บและความหิวโหยในหมู่บ้านอันแร้นแค้นแห่งนี้ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อพระราชา (รับบทโดย จิม บรอดเบนท์) ทรงมีพระราชดำริให้ชาวบ้านออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งที่นำความหวังกลับคืนมาสู่แผ่นดิน พ่อของนิกอลาสและชาวบ้านคนอื่น ๆ จึงออกเดินทางทิ้งให้นิกอลาสต้องอยู่กับป้าคาร์ลอตตาที่ไม่เคยใจดีกับเขาเลย ด้วยความเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถตามหาพ่อและนำความหวังกลับคืนมาได้ นิกอลาสจึงตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยสู่ดินแดนทางเหนืออันลึกลับที่เรียกว่า เอลฟ์เฮล์ม ดินแดนแห่งเทพนิยายที่เชื่อกันว่ามีพวกเอลฟ์อาศัยอยู่ การเดินทางของเขายิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยอันตราย เขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งความหนาวเหน็บ สัตว์ป่า และภูมิประเทศที่โหดร้าย แต่เขาก็ไม่ได้เดินทางคนเดียว เขาได้รับความช่วยเหลือจากหนูตัวจิ๋วที่พูดได้ (ให้เสียงโดย สตีเฟน เมอร์แชนต์) และกวางเรนเดียร์จอมดื้อรั้นชื่อบลิทเซน ตลอดการเดินทาง นิกอลาสได้เรียนรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของความกล้าหาญ ความเมตตา และความหวัง การได้พบกับตัวละครต่าง ๆ ในดินแดนเอลฟ์เฮล์ม เช่น มาเธอร์ วอร์เรล (รับบทโดย ซัลลี ฮอว์กินส์) และ ฟาเธอร์ ท็อปเวลล์ (รับบทโดย ท็อบ บอสตัน) ทำให้เขาได้สัมผัสกับเวทมนตร์และประเพณีของเอลฟ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างสรรค์ โลกแฟนตาซี ออกมาได้อย่างงดงามน่าทึ่ง ตั้งแต่บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไปจนถึงป่าไม้ที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับของเอลฟ์เฮล์ม งานภาพที่สวยงามประกอบกับดนตรีประกอบที่ไพเราะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศแห่งความมหัศจรรย์และเทศกาลคริสต์มาสได้อย่างสมบูรณ์แบบ A Boy Called Christmas ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องซานตาคลอสเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวของความเชื่อมั่นในตัวเอง การเอาชนะอุปสรรค และการค้นพบว่าพลังแห่งความสุขและความหวังนั้นเริ่มต้นจากภายในใจของเราเอง แม้จะมีบางช่วงที่เรื่องราวอาจจะดูมืดหม่นไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มอบความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและชวนให้ซาบซึ้งใจ ถือเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุด มันจะทำให้คุณเชื่อในเวทมนตร์ของคริสต์มาสอีกครั้ง และตระหนักว่าสิ่งมหัศจรรย์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ หากเราเพียงแค่เปิดใจรับมันเข้ามา

หนัง

รีวิวหนัง The Suicide Squad เดอะ ซุยไซด์ สควอด รวมพลตัวร้าย

หนังเรื่อง The Suicide Squad ผลงานกำกับของเจมส์ กันน์ (James Gunn) คือหนังซูเปอร์ฮีโร่สายดาร์กคอมเมดี้ที่เต็มไปด้วยความวายป่วงแบบสุดขั้ว ออกฉายในปี 2021 ภายใต้จักรวาล DC Extended Universe (DCEU) โดยถือเป็นการรีบูตกึ่งภาคต่อปี 2016 ที่ก่อนหน้านี้ได้รับคำวิจารณ์แบบกลางถึงแย่ หนังภาคใหม่นี้มาพร้อมกับโทนใหม่ที่สดกว่า ดิบกว่า และมีอารมณ์ขันเฉพาะตัวแบบจัดเต็ม เนื้อเรื่องเริ่มต้นเมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ อแมนด้า วอลเลอร์ (Viola Davis) ได้รวบรวมเหล่าวายร้ายจากเรือนจำเบลล์รีฟเพื่อจัดตั้งภารกิจพิเศษ Task Force X หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “Suicide Squad” ภารกิจครั้งนี้คือการเดินทางไปยังเกาะ Corto Maltese เพื่อทำลายโปรเจกต์ลับที่ชื่อว่า “Project Starfish” ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวสุดอันตราย ตัวละครหลักประกอบไปด้วย Bloodsport (Idris Elba), Peacemaker (John Cena), Harley Quinn (Margot Robbie), King Shark

หนัง

รีวิวหนัง Yadang The Snitch ทรชนคนสองหน้า เฉือนคมละมุน ขบขันบรรเจิด เกิดเป็นความปัง

  บ่อยครั้งที่ความบันเทิงของหนังฝั่งเกาหลี มักจะมาในรูปแบบที่แฝงด้วยประเด็นอาชญากรรม ที่ทำให้ความหนักหน่วงในประเด็นเดือด ๆ ดูผ่อนคลายความระอุลงได้ กลายเป็นอีกหนึ่งสูตรที่ประสบความสำเร็จบ่อย ๆ ในแง่หนังแอคชันตลกจากแดนกิมจิในสมัยนี้ และ Yadang The Snitch ทรชนคนสองหน้า ก็คือหนังจากโคเรียนเรื่องล่าสุดที่พกความทะเล้นสุดขึงขังนี้มาตีไข่และตอบโจทย์ให้กับแฟน ๆ ได้บันเทิงกันอย่างถ้วนหน้าอีกังซู อาชญากรหนุ่มต้องโทษได้รับข้อเสนอจากอัยการ กูกวันฮี ให้เขาเป็นยาดังให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับการลดโทษที่เขาต้องชดใช้อยู่ เขาจึงรับข้อเสนอและชีวิตในการเป็นยาดังของเขาก็รุ่งโรจน์ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ทำให้ โอซางแจ เจ้าหน้าที่สายสืบหน่วยปราบปรามยาเสพติดไม่ค่อยพอใจกับวิธีการนี้ เพราะทำให้แนวทางการสืบสวนของเขาเผชิญหน้ากับความล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ทำให้เขาเริ่มที่จะขุดคุ้ยความโยงใยในสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างอัยการหนุ่มและยาดังตัวจี๊ด ว่าจริง ๆ แล้วมันมีอะไรแอบซ่อนอยู่กันแน่หนังเป็นผลงานล่าสุดของนักแสดงตัวประกอบและตัวขโมยซีนในหนังเกาหลีดัง ๆ หลายเรื่อง อย่าง “ฮวังบยองกุก” ที่ถือว่าห่างหายไปจากการจับงานสร้างหนังไปกว่า 10 ปี เพราะเหมือนประชดที่เป็นผู้กำกับแล้วไม่ค่อยรุ่ง ทำให้หลังจากที่เคยสร้างหนังบู๊ SIU ฉายในปี 2011 เป็นต้นมา เขาก็หันมาเอาดีกับการแสดงอยู่หน้ากล้องแทน มีผลงานเป็นบทสมทบเล็ก ๆ ใน Veteran, Tunnel หรือ V.I.P. กว่าจะเรียกความมั่นใจให้กับมาสร้างหนังได้อีกครั้ง       ซึ่งก็ดูเหมือนว่าการเพาะบ่มเก็บประสบการณ์อยู่หน้ากล้องของเขาก็ทำให้สะท้อนออกมาถึงวิสัยทัศน์ที่แจ่มจรัสยิ่งขึ้น กลายเป็นว่า Yadang

รีวิว หนัง เรื่อง The Witch Part 1 The Subversion (แม่มดมือสังหาร)
Uncategorized, หนัง

รีวิว หนัง เรื่อง The Witch Part 1 The Subversion (แม่มดมือสังหาร)

สำหรับวันนี้เราจะมา รีวิวหนัง แม่มดมือสังหาร (The Witch Part 1 The Subversion) เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟระทึกขวัญจากเกาหลีใต้ กำกับและเขียนบทโดย พัก ฮุน-จอง ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานอย่าง “New World” และ “V.I.P.” ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยเนื้อเรื่องที่พลิกผัน คาดเดายาก และฉากแอ็คชั่นสุดมันส์ที่ผสมผสานพลังพิเศษเข้ากับการต่อสู้ได้อย่างลงตัว เปิดเรื่องด้วยการแนะนำ คูจายุน เด็กสาวคนหนึ่งที่หลบหนีออกมาจากสถานที่ทดลองลึกลับตั้งแต่ยังเด็ก เธอได้รับการช่วยเหลือและเลี้ยงดูโดยคู่สามีภรรยาใจดีที่ไม่มีลูก ทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในชนบท โดยไม่มีความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นเลย จา-ยุนใช้ชีวิตเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป จนกระทั่งเธอตัดสินใจเข้าร่วมรายการประกวดร้องเพลงเพื่อชิงเงินรางวัลไปช่วยครอบครัวที่กำลังประสบปัญหาทางการเงิน นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตัวตนที่แท้จริงและพลังพิเศษที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเธอค่อยๆ ตื่นขึ้น และนำพาเธอไปสู่การเผชิญหน้ากับกลุ่มคนจากอดีตที่ตามล่าเธอมาโดยตลอด การปูเรื่องและ ปริศนา ช่วงต้นเรื่องจะเน้นการปูพื้นฐานชีวิตของจา-ยุนในฐานะเด็กสาวบ้านๆ ที่มีอาการป่วยลึกลับ และพยายามใช้ชีวิตอย่างปกติที่สุด การค่อยๆ เผยอดีตและพลังที่ซ่อนอยู่ของจา-ยุนทำได้อย่างน่าติดตาม สร้างคำถามให้ผู้ชมสงสัยว่าเธอคือใครกันแน่ และเกิดอะไรขึ้นกับเธอในอดีต สถานที่ทดลองนั้นคืออะไร ใครคือคนที่ดี และใครคือคนที่ร้ายการพลิกผันที่คาดไม่ถึง  จุดแข็งที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการหักมุมที่ทำได้อย่างชาญฉลาดและน่าตกใจ สิ่งที่ผู้ชมคิดว่าเป็นจริงตั้งแต่ต้นเรื่อง อาจไม่ใช่ทั้งหมด ทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนและน่าสนใจมากขึ้น ฉากหักมุมนี้เป็นตัวเปลี่ยนทิศทางของเรื่องราวทั้งหมด และทำให้ผู้ชมต้องกลับมาทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ฉากแอ็คชั่นสุดระห่ำ เมื่อพลังของจา-ยุนถูกปลดปล่อยออกมา ภาพยนตร์ก็เข้าสู่โหมดแอ็คชั่นเต็มตัว ฉากต่อสู้มีความรุนแรง ดิบเถื่อน

Charlie and the Chocolate Factory
หนัง

รีวิวภาพยนตร์ Charlie and the Chocolate Factory

Charlie and the Chocolate Factory หรือในชื่อภาษาไทย ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต ฉบับปี 2005 เป็นการนำเสนอเรื่องราวอมตะของ Roald Dahl มาสู่จอเงินอีกครั้งภายใต้การกำกับของ Tim Burton ผู้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสไตล์ภาพอันเป็นเอกลักษณ์และบรรยากาศเหนือจริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นนิทานแฟนตาซีสำหรับเด็ก แต่ยังแฝงไปด้วยข้อคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับศีลธรรม การเลี้ยงดู และความสุขที่แท้จริง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเมืองที่ปกคลุมด้วยความหม่นหมอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่ ชาร์ลี บัคเก็ต อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่ยากจน พวกเขาต้องดิ้นรนในชีวิตประจำวัน แต่ความรักและความอบอุ่นในครอบครัวเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจของชาร์ลีได้อย่างดีเยี่ยม ท่ามกลางความยากจนนี้เอง วองก้า ช็อกโกแลต ซึ่งเป็นโรงงานช็อกโกแลตชื่อดังระดับโลก และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเมือง ก็ยังคงเป็นความฝันอันหอมหวานของเด็ก ๆ ทุกคน จนกระทั่งวิลลี่ วองก้า เจ้าของโรงงานผู้ลึกลับและอัจฉริยะ ได้ประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการซ่อนบัตรทองคำ 5 ใบในแท่งช็อกโกแลตของเขา เพื่อเฟ้นหาเด็กผู้โชคดี 5 คนที่จะได้เข้าชมโรงงานในฝันแห่งนี้ เมื่อบัตรทองคำถูกค้นพบทีละใบ เราก็ได้พบกับเด็ก ๆ ผู้โชคดีคนอื่น ๆ ได้แก่ ออกัสตัส กลุป ผู้ตะกละจากเยอรมนี, เวรูก้า ซอลต์ เด็กหญิงเอาแต่ใจจากครอบครัวเศรษฐีอังกฤษ, ไวโอเล็ต โบเรอการ์ด เด็กสาวอเมริกันผู้หลงใหลการเคี้ยวหมากฝรั่ง, และไมค์ ทีวี เด็กอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีผู้ติดจอ ภาพยนตร์นำเสนอตัวละครเหล่านี้ได้อย่างมีสีสันและโดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เกิดจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด การที่เด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับผลกรรมจากความโลภ ความเห็นแก่ตัว และความหมกมุ่นในสิ่งที่ไร้สาระของตนเอง เป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อสารอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่การแสดงของ Johnny Depp ในบทบาทของ วิลลี่ วองก้า เขาสร้างสรรค์ตัวละครนี้ให้มีความซับซ้อน น่าสนใจ และแตกต่างจากฉบับเดิม วองก้าของเดปป์เป็นชายผู้โดดเดี่ยว มีบุคลิกแปลกประหลาด เข้าสังคมไม่เป็น และมีความหลังที่เจ็บปวดกับการถูกพ่อผู้เป็นทันตแพทย์บังคับในวัยเด็ก การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงของเขาช่วยขับเน้นมิติของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้วองก้าเป็นทั้งผู้วิเศษ เจ้าของอาณาจักรขนมหวานที่น่าหลงใหล และชายผู้เปราะบางที่แสวงหาความเข้าใจและครอบครัว โรงงานช็อกโกแลตในฉบับของ Tim Burton คือไฮไลต์สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ การออกแบบฉากภายในโรงงานเต็มไปด้วยจินตนาการอันไร้ขอบเขต สีสันสดใส และรายละเอียดที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำช็อกโกแลต ทุ่งหญ้าลูกอม ห้องผลิตนวัตกรรมแปลกใหม่ หรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อย่าง อุมปา ลุมปา ที่รับบทโดย Deep Roy เพียงคนเดียวและถูกโคลนนิ่งด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังทำหน้าที่ขับร้องเพลงเตือนใจเมื่อเด็กแต่ละคนได้รับบทเรียนจากความผิดพลาดของตนเอง ภาพและเสียงในโรงงานแห่งนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจและดึงดูดผู้ชมให้ดำดิ่งสู่โลกแฟนตาซีได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยรวมแล้ว Charlie and the Chocolate Factory ฉบับปี 2005 เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความมหัศจรรย์ ความตลกขบขัน และข้อคิดเตือนใจได้อย่างลงตัว มันเตือนให้เราเห็นว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากความมั่งคั่งหรือการได้มาซึ่งทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่มาจากความดีงามในจิตใจ ความรักในครอบครัว และการเห็นคุณค่าของสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังคงทิ้งประเด็นให้ได้คิดและพูดคุยกันต่อหลังจบเรื่อง เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัยที่มองหาภาพยนตร์แฟนตาซีที่มีทั้งความสดใสและความลึกซึ้งในเวลาเดียวกัน

Scroll to Top