รีวิวเกม Grand Theft Auto V

Story

      GTA V ดำเนินเรื่องบนผืนแผ่นดิน San Andreas อีกครั้ง โดยใช้การบอกเล่าเรื่องราวผ่านสายตาของ 3 ตัวละครหลัก คือ ไมเคิล มหาโจรมือเก๋าวัย 45 ปี ผู้เกษียณตัวเองออกจากวงการมาใช้ชีวิตธรรมดา  เทรเว่อร์ เพื่อนสนิท จิตวิปลาส ของ ไมเคิล ที่เคยร่วมมือกันปล้นฆ่ามายาวนาน ตามด้วย แฟรงค์ลิน ไอ้หนุ่มผิวสี นักขับประจำโชว์รูมรถ ผู้พยายามจะทิ้งชีวิตแก๊งค์อันธพาล และหันมาสร้างเนื้อสร้างตัวเป็นหลักเป็นแหล่ง  ชะตาฟ้าลิขิต แห่ง San Andreas ได้นำให้พวกเขามาพบกัน แม้จะชอบหน้ากันหรือไม่ พวกเขาก็ต้องร่วมมือกัน เพื่อเอาตัวรอด ในโลกของอาชญากรรม และการฉ้อโกง ตามสไตล์ ของ Grand Theft Auto

      ผมอยากจะเล่ารายละเอียดมากกว่านี้ แต่ผมก็ไม่อยากจะทำการสปอยล์ใดๆ ทั้งสิ้น กับผู้ที่กำลังรอเล่นเวอร์ชั่น PC อยู่ ( ผมเองก็เช่นกัน เพราะผมมั่นใจว่า เวอร์ชั่น PC ที่กำลังจะตามออกมา จะต้องยอดเยี่ยมกว่าเวอร์ชั่น PS3 ที่ผมเล่นอยู่ตอนนี้แน่นอน ) โดยผมสามารถบรรยายได้ว่า การเล่าเรื่องอันเข้มข้นของ GTA ยังคงเป็นจุดแข็งและถูกพัฒนาให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้น โดยบางภารกิจ จะมีเหตุการณ์ไม่นึกฝันตัดเข้ากลางเรื่องให้ตกใจกันเล่น และมันยิ่งทวีคูณความสนุกขึ้นไปอีก เมื่อเกมสามารถให้ผู้เล่นสลับไปมาระหว่าง 3 ตัวละครได้ตลอดเวลาที่ไม่ได้ทำภารกิจ ซึ่งจะให้อารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

เช่น ไมเคิล จะต้องอยู่กับเรื่องราวปัญหาของครอบครัวอันแสนจะไม่อบอุ่น  แฟรงค์ลิน ก็ต้องเผชิญกับปัญหาพรรคพวกที่เอาแต่ห่วงเรื่องของการเป็นแก๊งสเตอร์ในอารมณ์คล้ายๆ กับภาค GTA San Andreas ตามด้วย เทรเว่อร์ พ่อค้ายาสุดเถื่อน ที่ปกครองคนอื่นด้วยความกลัว และพร้อมจะระเบิดความคลั่งได้ทุกเมื่อ ทั้ง 3 ตัวละคร มีเรื่องราวที่น่าติดตามเป็นของตัวเอง และมันก็จะถูกเชื่อมโยงมาสู่ภารกิจหลัก ที่ให้ทั้ง 3 คนมาเจอกันอย่างลงตัว ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า ทาง Rockstar สามารถที่จะยกระดับการเล่าเรื่องของตัวเอง ที่สนุกอยู่แล้วจาก GTA IV ให้สูงขึ้นไปอีกขั้นอย่างงดงาม

Presentation

      ถนนทุกสาย ตึกรามบ้านช่อง แม่น้ำลอดผ่านหุบเขา หรือ ทะเลทราย ทุกๆ อย่างใน GTA V ถูกรังสรรค์ออกมาอย่างสวยงาม ไม่มีจุดไหนที่ดูแล้วขาดการเอาใจใส่ ในภาคนี้ ผู้เล่นสามารถเดินทางไปได้ทั่วทั้งเกมตั้งแต่เริ่มเล่น โดยไม่มีการปลดล็อคพื้นที่ไปตามเนื้อเรื่องอีกต่อไป  แต่เกมจะใช้การปิดหมอกเอาไว้ในแผนที่ สำหรับจุดที่ผู้เล่นยังไปสำรวจไม่ถึง ซึ่งไม่ว่าคุณจะลองเดินทางไปในจุดใดของเกม มันก็มีความสวยงามสมจริงในแบบของมัน รวมทั้งเหล่าประชาชนคนเดินตามท้องถนน ก็ล้วนดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น การเดินชนไหล่กับคนบางคนก็อาจก่อบันดาลโทสะให้ NPC นั้นวางมวยกับคุณได้การเดินกดปุ่มลูกศรขวาตามข้างทางเพื่อตอบรับหรือชี้หน้าด่าคนที่ผ่านไปมา อาจจะทำให้เธอหรือเขาวิ่งหนีคุณไป หรือควักมือถืออกมาโทรแจ้งตำรวจ ส่งดาวค่าหัวให้คุณแทน หรือแม้แต่การขับรถปาดหน้าพวกเขา บางทีคุณอาจจะเห็นเหล่า NPC ผู้นั่งหลังพวงมาลัย เบรคหน้าทิ่ม ก่อนที่จะชูนิ้วกลางให้คุณซะหนึ่งดอก หรือเขาอาจจะเบี่ยงหลบคุณเสียจนไปฟาดกับรถอีกเลน ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติอย่างมาก และระบบของตัวรถ ก็ถูกเพิ่มลักษณะความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนรถยนต์จริงๆ เช่นถ้าผู้เล่นขับรถฝ่าไฟแดง ไปเจอรถที่ผ่านแยกมาพอดี การพุ่งชนเข้าไปที่ล้อหลังเต็มๆ ของอีกคัน จะทำให้ล้อกระเด็นหลุดออกมาจากซุ้มล้อทันที หรือแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ เช่นเวลาตัวละคร กลิ้งล้มหกคะเมน ก็จะมีรอยแผลถลอกปอกเปิกให้เห็น หรือ รอยกระสุนบนตัวผู้เล่น ที่ใส่เกราะ ก็จะเป็นรอยขาวๆ เหมือนรูกระสุนที่เจาะลงบนเสื้อเกราะ

      แม้ว่าแผนที่ของ GTA V จะเป็นลักษณะของเกาะ เพียงเกาะเดียว แต่ความกว้างใหญ่ของมัน น่าจะพอเทียบได้กับดินแดน Skyrim เลยทีเดียว และต้องอย่าลืมว่า มันยังมีพื้นที่ใต้น้ำให้ลงไปสำรวจอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของแนวปะการัง หรือพื้นผิวก้นทะเล ก็ไม่ใช่การออกแบบอย่างขอไปทีแม้แต่น้อย ความกว้างใหญ่ระดับนี้ นำมาซึ่งประโยชน์ของการสับเปลี่ยนตัวละครทั้ง 3 ตัวอย่างยิ่ง โดยการขับรถไกลๆ, โบกแท็กซี่ เพื่อจะเดินทางออกจากจุดเดิมที่ผู้เล่นอยู่ จะไม่จำเป็นอีกต่อไป หากผู้เล่นขี้เกียจจะหาทางกลับบ้านด้วยตัวเอง ก็สามารถที่จะสลับออกจากตัวละครที่เล่นอยู่ทันที เพื่อพุ่งไปบังคับตัวละครอีกตัว ที่อาจจะมีเรื่องน่าสนใจ ให้ทำก็เป็นได้ โดยการตัดเข้าสู่ตัวละครใหม่ จะเป็นการสุ่มสถานที่ ที่ตัวละคนอยู่ไปเรื่อยๆ ( เว้นแต่ผู้เล่นสลับกลับไปเล่นตัวละครที่แล้ว ที่พึ่งจะสลับออกมาได้ไม่นาน ตัวละครตัวนั้น จะยังคงอยู่ ณ จุดเดิม ) เช่น ผู้เล่นอาจจะพบไมเคิลอยู่ที่บ้านเซฟเฮาส์ แฟรงค์ลินที่พึ่งเดินออกมาจากร้านขายยา หรือ เทรเว่อร์ ที่กำลังขับรถอยู่บนถนน  ซึ่งอนิเมชั่นการเปลี่ยนตัวละครนั้นเยอะมาก สมที่ผู้พัฒนาได้เคยคุยเอาไว้

 

 

Scroll to Top