Leviathan 2025 (เลวีอาธาน ปฐมบทมหาสงคราม)

Leviathan 2025 (เลวีอาธาน ปฐมบทมหาสงคราม)

อนิเมะจาก Netflix เรื่อง เลวีอาธาน ปฐมบทมหาสงคราม ที่ดัดแปลงจากนิยายไตรภาคของ Scott Westerfeld นำเสนอแนวคิดสุดแหวกนี้ได้อย่างน่าตื่นตา สงครามโลกครั้งที่ 1 ในจินตนาการนี้ถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย Clankers ผู้ใช้เครื่องจักรกลไก และ Darwinists ที่ควบคุมสัตว์ประหลาดจากพันธุวิศวกรรม ฟังดูน่าตื่นเต้นใช่ไหม? แต่เดี๋ยวก่อน เพราะสิ่งที่ควรจะเป็นมหาศึกสุดยิ่งใหญ่กลับถูกกลบด้วยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของวัยรุ่นที่แสนจะธรรมดาเสียเหลือเกิน

เรื่องย่อ Leviathan

Leviathan 2025 นำเสนอโลกที่ สงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกตีความใหม่ในสไตล์ สตีมพังก์ และ พันธุวิศวกรรม ได้อย่างน่าทึ่ง ฝ่าย Clankers ใช้เครื่องจักรกลไกที่ดูเหมือนหลุดมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ยุคเก่า ขณะที่ฝ่าย Darwinists ใช้สัตว์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม เช่น วาฬยักษ์ที่ลอยฟ้าได้ราวกับยานอวกาศ ภาพของการต่อสู้ระหว่างเครื่องจักรและสัตว์ประหลาดเหล่านี้ชวนให้ตื่นเต้นตั้งแต่ฉากแรก ฉากหนีตายของ Aleksandar ลูกชายของ อาร์คดยุกฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ ที่ต้องหลบหนีจากการลอบสังหาร หรือฉากที่ Deryn Sharp เด็กสาวสกอตที่ปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าร่วมกองทัพ บนวาฬยักษ์บินได้นั้น ทำออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจ

Studio Orange รับหน้าที่ผลิตอนิเมะเรื่องนี้ และต้องบอกว่าพวกเขาทำงานด้านภาพและแอนิเมชันได้อย่างยอดเยี่ยม สีสันและการออกแบบตัวละคร รวมถึงยานพาหนะและสัตว์ประหลาดในเรื่องนั้นเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ คุณจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฉากแอ็กชันจะน่าตื่นเต้น แต่การเล่าเรื่องกลับเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครมากเกินไป จนบางครั้งรู้สึกว่าความยิ่งใหญ่ของสงครามถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

เรื่องราวของ Leviathan หมุนรอบสองตัวละครหลัก: Aleksandar และ Deryn Sharp อเล็กซานดาร์เป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตในร่มเงาของราชวงศ์ ออสเตรีย-ฮังการี ชีวิตของเขาพลิกผันเมื่อพ่อของเขาถูกลอบสังหาร ทำให้เขาต้องหนีไปยังที่ปลอดภัยพร้อมกับ เคานต์โวลเกอร์ และช่างเครื่อง คลอปป์ ในทางกลับกัน Deryn เป็นเด็กสาวสกอตที่ปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าร่วมกองทัพ Darwinists การที่ทั้งคู่มาจากฝ่ายที่เป็นศัตรูกันนั้นควรจะนำไปสู่ความขัดแย้งที่น่าสนใจ แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องราวเน้นไปที่ความสัมพันธ์แบบรัก ๆ ใคร่ ๆ มากเกินไป

เป็น อนิเมะ ที่เต็มไปด้วยศักยภาพ ด้วยโลกที่ผสมผสาน สตีมพังก์ และ พันธุวิศวกรรม ได้อย่างน่าทึ่ง และงานภาพจาก Studio Orange ที่สวยงามจนยากจะละสายตา แต่ความน่าตื่นเต้นของฉากแอ็กชันและการออกแบบที่สร้างสรรค์นั้นถูกกลบด้วยการเล่าเรื่องที่เน้นความรักวัยรุ่นมากเกินไป และการทำให้ สงครามโลกครั้งที่ 1 ดูเรียบง่ายจนขาดความลึก การพัฒนาตัวละครที่ไม่สมบูรณ์และการตัดทอนเนื้อหาจากนิยายทำให้เรื่องราวรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง

Scroll to Top