Mr. Queen เชฟหนุ่มย้อนยุคไปเป็นมเหสีในยุคโชซอน

ซีรีส์เกาหลีแนวพีเรียดผสมคอมเมดี้แฟนตาซีที่สร้างเสียงหัวเราะและความประทับใจให้กับผู้ชมตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนจบ Mr. Queen นำแสดงโดย ชินฮเยซอน ในบท “ราชินีคิมโซยง” และ คิมจองฮยอน ในบท “พระราชาชอลจง” ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นด้วยพลอตแหวกแนวที่ผสมผสานโลกยุคปัจจุบันกับยุคโชซอนได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งการแสดงที่ยอดเยี่ยมและอารมณ์ขันที่ไม่ซ้ำใคร

ราชินีคิมโซยง

เรื่องราวเริ่มต้นจาก จางบงฮวาน เชฟหนุ่มสุดเจ้าสำราญ ผู้เป็นหัวหน้าเชฟในทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ เขาเป็นคนมั่นใจในฝีมือการทำอาหารและเต็มไปด้วยความทะนงตน แต่วันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุและตื่นขึ้นมาพบว่าจิตวิญญาณของเขาได้เข้าไปอยู่ในร่างของ ราชินีคิมโซยง หญิงสาวในยุคโชซอนที่กำลังจะแต่งงานกับพระราชาชอลจง การที่เชฟหนุ่มสมัยใหม่ต้องมาอยู่ในร่างของหญิงสาวในยุคโบราณสร้างสถานการณ์ตลกๆ มากมาย โดยเฉพาะการต้องปรับตัวเข้ากับระเบียบแบบแผนของราชสำนัก การแต่งกาย ท่าทาง และภาษาที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง บงฮวาน (ในร่างโซยง) พยายามทุกวิถีทางที่จะหาทางกลับร่างเดิม แต่ยิ่งเขาใช้ชีวิตในร่างนี้นานขึ้น ความผูกพันกับผู้คนรอบตัว รวมถึงพระราชาชอลจง ก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ

พระราชาชอลจงในเรื่อง ไม่ใช่กษัตริย์ธรรมดา เขาแสร้งทำตัวเป็นกษัตริย์ไร้อำนาจ ขี้เล่น และไร้เดียงสา ทั้งที่ความจริงแล้วเขาเป็นคนมีอุดมการณ์และต้องต่อสู้กับขุนนางที่หวังจะยึดอำนาจอยู่เบื้องหลัง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับราชินีที่ “เปลี่ยนไป” ทำให้เกิดเรื่องราวชวนหัวและโรแมนติกแบบไม่ธรรมดา ความรู้สึกจากการเกลียดขี้หน้ากันกลายเป็นความผูกพันและความรักแบบแปลกๆ ที่ทำให้ผู้ชมลุ้นตามตลอดทั้งเรื่อง หนึ่งในจุดแข็งที่สุดของ Mr. Queen คือการแสดงของ ชินฮเยซอน ที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ “ผู้ชายในร่างผู้หญิง” ได้อย่างมีมิติ ทั้งสีหน้า ท่าทาง และจังหวะการพูด การแสดงของเธอสร้างเสียงหัวเราะได้แทบทุกฉาก ขณะเดียวกันก็สามารถถ่ายทอดความอ่อนไหวและอารมณ์จริงจังของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง ส่วน คิมจองฮยอน ก็ไม่แพ้กัน เขาสามารถสร้างความสมดุลระหว่างความเคร่งขรึมของกษัตริย์และความเปิ่นในบางสถานการณ์ได้อย่างน่าประทับใจ

ชินฮเยซอน

นอกจากความสนุกสนานแล้ว ซีรีส์ยังสะท้อนแง่มุมทางสังคม การเมือง และเพศสภาพได้อย่างแนบเนียน เรื่องราวของการยอมรับตนเอง การต่อสู้กับกรอบความคิดแบบเดิมๆ รวมถึงการตั้งคำถามต่ออำนาจและความเป็นธรรมในยุคสมัยต่างๆ ทำให้ไม่ได้เป็นแค่ซีรีส์ตลกเบาสมอง แต่มีสาระให้คิดตามไม่น้อย แม้จะเป็นซีรีส์แนวย้อนยุค แต่ก็มีการใช้มุมกล้อง เทคนิคพิเศษ และซาวด์แทร็กแนวร่วมสมัยที่ทำให้เรื่องดูมีชีวิตชีวาและเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะเพลงประกอบที่เลือกใช้ดนตรีสมัยใหม่ มาตัดกับภาพย้อนยุค ได้ผลลัพธ์ที่แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์อย่างมาก โดยรวมแล้ว เป็นซีรีส์ที่ครบเครื่อง ทั้งตลก สนุก ซึ้ง และน่าติดตาม บทสนทนาฉลาด บทละครแน่น และมีจังหวะที่ดีตลอดทั้งเรื่อง เหมาะสำหรับผู้ชมที่มองหาซีรีส์ที่ทั้งให้ความบันเทิงและมีอะไรให้ขบคิดไปพร้อมกัน

Scroll to Top