รีวิว การ์ตูน อนิเมะ Witch Watch
การ์ตูน, ซีรี่ส์

รีวิว การ์ตูน อนิเมะ Witch Watch

การ รีวิวการ์ตูนอนิเมะ เรื่องWitch Watch (วิทช์วอทช์) เป็นมังงะแนวคอเมดี้ แฟนตาซี และ slice of life ผลงานของอาจารย์เคนตะ ชิโนฮาระ ผู้เขียนเดียวกับ Sket Dance และ Astra Lost in Space เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของ โอโตกิ โมริฮิโตะ เด็กหนุ่มเผ่ายักษ์ที่มีพละกำลังมหาศาล และ วาคัตสึกิ นิโกะ แม่มดสาวน้อยจอมซุ่มซ่าม ที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ใต้ชายคาเดียวกันตามคำทำนาย เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ นิโกะ แม่มดฝึกหัดที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเวทมนตร์ ถูกส่งตัวมาอาศัยอยู่กับ โมริฮิโตะ ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ คำทำนายโบราณระบุว่าภัยพิบัติร้ายแรงกำลังจะมาถึง นิโกะ และเธอต้องการผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งอย่าง โมริฮิโตะ ผู้สืบเชื้อสายมาจากเผ่ายักษ์ เพื่อปกป้องเธอจากการถูกเหล่าภูตผีปีศาจหมายหัว เนื่องจากพลังเวทมนตร์ของนิโกะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถดึงดูดสิ่งลี้ลับได้ง่าย การใช้ชีวิตร่วมกันและความอลหม่านการอยู่ร่วมกันของ โมริฮิโตะ ผู้เคร่งขรึมและนิโกะผู้ร่าเริงแต่ซุ่มซ่าม ก่อให้เกิดความวุ่นวายและเรื่องราวชวนหัวในทุกๆ วัน นิโกะ มักจะร่ายเวทมนตร์ผิดพลาดอยู่เสมอ ทำให้เกิดสถานการณ์เหนือความคาดหมายและทำให้โมริฮิโตะต้องคอยตามแก้ไขอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเพื่อนร่วมชั้นให้กลายเป็นสัตว์ประหลาด การทำให้สิ่งของมีชีวิต หรือแม้แต่การหลงไปในมิติแปลกๆนอกจากนี้ การใช้ชีวิตร่วมกันยังนำพาให้ตัวละครอื่นๆ […]

Blue Box
การ์ตูน

รีวิวการ์ตูน Blue box

Blue Box มังงะแนวกีฬาโรแมนติกคอมเมดี้ ผลงานของอาจารย์ Miura Kouji ที่กำลังตีพิมพ์ใน Weekly Shonen Jump ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างกระแสความนิยมได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการผสมผสานความฝันด้านกีฬาเข้ากับเรื่องราวความรักวัยใสได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปสัมผัสบรรยากาศของชีวิตช่วงมัธยมปลายอีกครั้ง เรื่องราวหลักของ Blue Box มุ่งเน้นไปที่ อิโนมาตะ ไทกิ นักเรียนชั้นมัธยมปลายปี 1 ผู้คลั่งไคล้กีฬาแบดมินตัน เขาฝึกซ้อมอย่างหนักทุกเช้าก่อนเข้าเรียนในโรงยิม และในช่วงเวลานั้นเองที่เขาได้พบกับ คานะยูกิ ชินิจิโร่ นักบาสเกตบอลดาวรุ่ง และ คาโน่ ชินัตสึ รุ่นพี่ชั้นมัธยมปลายปี 3 ผู้เป็นดาวเด่นของชมรมบาสเกตบอลหญิงและความฝันของไทกิ ไทกิหลงรักชินัตสึมานานแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นเพียงรุ่นน้องธรรมดาที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร ทำให้เขารู้สึกว่าความรักครั้งนี้เป็นเพียงความฝันที่ไกลเกินเอื้อม จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ ชินัตสึ ต้องย้ายมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของไทกิชั่วคราว เนื่องจากคอนโดของเธอถูกปรับปรุง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นอย่างไม่คาดฝัน การได้ใช้ชีวิตร่วมชายคาเดียวกัน ทำให้ไทกิมีโอกาสได้เรียนรู้และเข้าใจตัวตนของชินัตสึมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในฐานะนักกีฬาที่เก่งกาจ แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีความฝัน ความมุ่งมั่น และความเปราะบาง จุดนี้เองที่ทำให้เรื่องราวโรแมนติกค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เร่งรัดจนเกินไป แต่ก็ไม่เชื่องช้าจนน่าเบื่อ นอกจากเรื่องราวความรักแล้ว Blue Box ยังให้ความสำคัญกับ เรื่องราวของการกีฬา อย่างจริงจัง ตัวละครแต่ละตัวล้วนมีความฝันและความทุ่มเทในการฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและคว้าชัยชนะมาให้ได้ เราจะได้เห็นถึงความพยายามของไทกิในการพัฒนาฝีมือแบดมินตัน การต่อสู้กับความกดดัน และการเรียนรู้ที่จะเติบโตเป็นนักกีฬาที่ดีขึ้น เช่นเดียวกับชินัตสึที่ต้องเผชิญกับความท้าทายในเส้นทางบาสเกตบอลของเธอ การผสมผสานของสององค์ประกอบนี้ทำได้อย่างกลมกลืน ทำให้ผู้อ่านไม่รู้สึกว่ากำลังอ่านมังงะกีฬาจ๋า หรือมังงะรักจ๋าจนเกินไป แต่เป็นเรื่องราวที่เติมเต็มซึ่งกันและกัน ลายเส้นของอาจารย์ Miura Kouji มีความสะอาดตา สวยงาม และสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะฉากการแข่งขันกีฬาที่ทำออกมาได้น่าตื่นเต้นและมีชีวิตชีวา ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอินไปกับเกมการแข่งขัน ไม่แพ้มังงะกีฬาเรื่องอื่น ๆ ขณะเดียวกัน การแสดงออกทางสีหน้าของตัวละครในฉากโรแมนติกก็ทำได้ดี ทำให้ผู้อ่านรับรู้ถึงความรู้สึกเขินอาย ความสุข หรือความผิดหวังของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง Blue Box จึงเป็น มังงะ ที่มอบความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ให้ข้อคิดเกี่ยวกับการทำตามความฝัน การก้าวผ่านอุปสรรค และความงดงามของความรักในวัยเยาว์ ใครที่ชื่นชอบมังงะที่มีกลิ่นอายของ Slam Dunk ในด้านกีฬาและมิตรภาพ หรือ Kimi no Iru Machi ในแง่มุมความรักที่ไม่สมหวังแต่เต็มไปด้วยความพยายาม อาจจะหลงรัก Blue Box ได้ไม่ยาก เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรค่าแก่การติดตามและเอาใจช่วยตัวละครให้ไปถึงฝันทั้งในเรื่องของกีฬาและความรัก

Charlie and the Chocolate Factory
หนัง

รีวิวภาพยนตร์ Charlie and the Chocolate Factory

Charlie and the Chocolate Factory หรือในชื่อภาษาไทย ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต ฉบับปี 2005 เป็นการนำเสนอเรื่องราวอมตะของ Roald Dahl มาสู่จอเงินอีกครั้งภายใต้การกำกับของ Tim Burton ผู้ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องสไตล์ภาพอันเป็นเอกลักษณ์และบรรยากาศเหนือจริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นนิทานแฟนตาซีสำหรับเด็ก แต่ยังแฝงไปด้วยข้อคิดลึกซึ้งเกี่ยวกับศีลธรรม การเลี้ยงดู และความสุขที่แท้จริง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในเมืองที่ปกคลุมด้วยความหม่นหมอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่ ชาร์ลี บัคเก็ต อาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่ยากจน พวกเขาต้องดิ้นรนในชีวิตประจำวัน แต่ความรักและความอบอุ่นในครอบครัวเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจของชาร์ลีได้อย่างดีเยี่ยม ท่ามกลางความยากจนนี้เอง วองก้า ช็อกโกแลต ซึ่งเป็นโรงงานช็อกโกแลตชื่อดังระดับโลก และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของเมือง ก็ยังคงเป็นความฝันอันหอมหวานของเด็ก ๆ ทุกคน จนกระทั่งวิลลี่ วองก้า เจ้าของโรงงานผู้ลึกลับและอัจฉริยะ ได้ประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการซ่อนบัตรทองคำ 5 ใบในแท่งช็อกโกแลตของเขา เพื่อเฟ้นหาเด็กผู้โชคดี 5 คนที่จะได้เข้าชมโรงงานในฝันแห่งนี้ เมื่อบัตรทองคำถูกค้นพบทีละใบ เราก็ได้พบกับเด็ก ๆ ผู้โชคดีคนอื่น ๆ ได้แก่ ออกัสตัส กลุป ผู้ตะกละจากเยอรมนี, เวรูก้า ซอลต์ เด็กหญิงเอาแต่ใจจากครอบครัวเศรษฐีอังกฤษ, ไวโอเล็ต โบเรอการ์ด เด็กสาวอเมริกันผู้หลงใหลการเคี้ยวหมากฝรั่ง, และไมค์ ทีวี เด็กอัจฉริยะด้านเทคโนโลยีผู้ติดจอ ภาพยนตร์นำเสนอตัวละครเหล่านี้ได้อย่างมีสีสันและโดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เกิดจากการเลี้ยงดูที่ผิดพลาด การที่เด็ก ๆ เหล่านี้ได้รับผลกรรมจากความโลภ ความเห็นแก่ตัว และความหมกมุ่นในสิ่งที่ไร้สาระของตนเอง เป็นสิ่งที่ภาพยนตร์ต้องการสื่อสารอย่างชัดเจน แน่นอนว่าหัวใจสำคัญของเรื่องอยู่ที่การแสดงของ Johnny Depp ในบทบาทของ วิลลี่ วองก้า เขาสร้างสรรค์ตัวละครนี้ให้มีความซับซ้อน น่าสนใจ และแตกต่างจากฉบับเดิม วองก้าของเดปป์เป็นชายผู้โดดเดี่ยว มีบุคลิกแปลกประหลาด เข้าสังคมไม่เป็น และมีความหลังที่เจ็บปวดกับการถูกพ่อผู้เป็นทันตแพทย์บังคับในวัยเด็ก การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงของเขาช่วยขับเน้นมิติของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้วองก้าเป็นทั้งผู้วิเศษ เจ้าของอาณาจักรขนมหวานที่น่าหลงใหล และชายผู้เปราะบางที่แสวงหาความเข้าใจและครอบครัว โรงงานช็อกโกแลตในฉบับของ Tim Burton คือไฮไลต์สำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ การออกแบบฉากภายในโรงงานเต็มไปด้วยจินตนาการอันไร้ขอบเขต สีสันสดใส และรายละเอียดที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำช็อกโกแลต ทุ่งหญ้าลูกอม ห้องผลิตนวัตกรรมแปลกใหม่ หรือสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ อย่าง อุมปา ลุมปา ที่รับบทโดย Deep Roy เพียงคนเดียวและถูกโคลนนิ่งด้วยเทคนิคพิเศษ ซึ่งแต่ละตัวก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและยังทำหน้าที่ขับร้องเพลงเตือนใจเมื่อเด็กแต่ละคนได้รับบทเรียนจากความผิดพลาดของตนเอง ภาพและเสียงในโรงงานแห่งนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจและดึงดูดผู้ชมให้ดำดิ่งสู่โลกแฟนตาซีได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยรวมแล้ว Charlie and the Chocolate Factory ฉบับปี 2005 เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานความมหัศจรรย์ ความตลกขบขัน และข้อคิดเตือนใจได้อย่างลงตัว มันเตือนให้เราเห็นว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้มาจากความมั่งคั่งหรือการได้มาซึ่งทุกสิ่งที่ปรารถนา แต่มาจากความดีงามในจิตใจ ความรักในครอบครัว และการเห็นคุณค่าของสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ รอบตัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังคงทิ้งประเด็นให้ได้คิดและพูดคุยกันต่อหลังจบเรื่อง เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัยที่มองหาภาพยนตร์แฟนตาซีที่มีทั้งความสดใสและความลึกซึ้งในเวลาเดียวกัน

น่านน้ำสีเทา | The Waterfront (2025) ซีรีส์ดราม่าจาก Netflix
ซีรี่ส์

น่านน้ำสีเทา | The Waterfront (2025) ซีรีส์ดราม่าจาก Netflix

เคยสงสัยไหมว่าครอบครัวที่ดูภายนอกเหมือนมีทุกอย่าง แต่กลับเต็มไปด้วยความลับและปัญหาเบื้องลึก จะรับมือวิกฤตที่เข้ามาพร้อมกันได้อย่างไร? The Waterfront (2025) ซีรีส์แนว Mystery Drama บนแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Netflix จะพาเราไปพบกับครอบครัว Buckley ที่ต้องเผชิญหน้ากับภาวะล้มละลายของอาณาจักรประมงในนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งสร้างจากแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงสุดดราม่า ซีรีส์นี้ไม่เพียงแค่ตีแผ่ ปัญหาครอบครัว แต่ยังรวมเอาประเด็นอาชญากรรมและความขัดแย้งภายในมาเพิ่มสีสันให้เรื่องราวยิ่งดูน่าติดตาม คุณจะได้สัมผัสชีวิตตัวละครที่เปราะบางและเต็มไปด้วยความสับสน แต่ก็ยังรักกันในวิธีที่บิดเบี้ยวแต่จริงใจ เรื่องย่อ The Waterfront (น่านน้ำสีเทา) ครอบครัว Buckley คือหัวใจหลักของ The Waterfront (2025) พวกเขาคือเจ้าของกิจการประมงที่กำลังพังทลายเพราะภาระหนี้สินก้อนโต ทุกคนต่างมีความลับซ่อนเร้น พ่อบ้าน Harlan (แสดงโดย Holt McCallany) กลับนิ่งเฉยไม่คิดจะช่วย ขณะที่ภรรยา Mae (แสดงโดย Maria Bello) กำลังพยายามกอบกู้สถานการณ์ผ่านข้อตกลงขายที่ดินที่อาจพลิกชะตาของครอบครัว ในขณะเดียวกัน ลูกชาย Cane (แสดงโดย Jake Weary) ก็เข้าไปพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาเงินสด ความยุ่งเหยิงทวีคูณเมื่อทุกสิ่งไม่เป็นไปตามแผน และปัญหาต่างๆ ก็เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน สิ่งที่ทำให้

Win or Lose (2025) การผจญภัยใหม่ของ Pixar
การ์ตูน

Win or Lose (2025) การผจญภัยใหม่ของ Pixar

เมื่อ Pixar ประกาศสร้างซีรีส์ต้นฉบับสำหรับ Disney+ หลายคนอาจนึกถึงอนิเมชันแสนอบอุ่นแบบ Toy Story หรือ Inside Out แต่ Win or Lose (2025) กลับพาเราไปสัมผัสโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและความตื่นเต้นที่ไม่เหมือนใคร ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานแรกของ Pixar ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ใดๆ แต่ยังนำเสนอเรื่องราวของเด็กมัธยมที่ต้องเผชิญกับความกดดันทั้งในชีวิตและการเล่นกีฬา แต่ท่ามกลางความสนุกและความสร้างสรรค์ Win or Lose (2025) ก็สร้างความกังวลให้กับแฟนๆ เมื่อมีการตัดเนื้อหาเกี่ยวกับตัวละครข้ามเพศออกจากเรื่อง แม้ว่า Kai ตัวละครข้ามเพศที่ voiced โดย Chanel Stewart จะยังคงอยู่ในเรื่อง แต่การตัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ทางเพศออกไปนั้นสร้างความผิดหวังให้กับผู้ชมจำนวนมาก โดยเฉพาะในยุคที่ชุมชน LGBTQ+ กำลังต่อสู้เพื่อการยอมรับ ถึงกระนั้น Win or Lose ก็ยังคงเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยพลังงานและความบันเทิง ด้วยการกำกับและเขียนบทโดย Carrie Hobson และ Michael Yates ซีรีส์นี้พาเราไปสำรวจโลกของเด็กมัธยมผ่านมุมมองที่สดใสและแปลกใหม่ พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่ทำให้เราต้องเอาใจช่วย   เรื่องย่อ Win

ซีรี่ส์

WandaVision วิกฤตการณ์แห่งเวสต์วิว

ซีรีส์แนวซูเปอร์ฮีโร่ ดราม่า และแฟนตาซี จากจักรวาล Marvel อย่าง WandaVision ที่เล่าเรื่องราวของแม่มดตัวเอกอย่าง วันดา แม็กซิมอฟ หรือ สการ์เล็ต วิช์ และ วิชั่น สังเคราะห์มนุษย์ที่มีพลังพิเศษ ทั้งคู่พยายามใช้ชีวิตในเมืองเล็ก ๆ อย่าง Westview แต่สิ่งที่ดูเหมือนชีวิตครอบครัวธรรมดากลับเต็มไปด้วยความลึกลับและความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ เรื่องราวเริ่มต้นด้วยวันดาและวิชั่นที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กในย่านชานเมืองที่ดูเหมือนซีรีส์ทีวีแนวคอมเมดี้ยุค 1950-60 พวกเขาใช้ชีวิตแบบครอบครัวทั่วไป มีการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแบบฉบับละครซิทคอม แต่ไม่นานความจริงที่อยู่เบื้องหลังโลกที่สมบูรณ์แบบนี้ก็เริ่มถูกเปิดเผย วันดาใช้พลังจิตของเธอเปลี่ยนแปลงโลกใน Westview ให้กลายเป็นสถานที่ที่เธอสร้างขึ้นเอง เพื่อปกป้องตัวเองและคนที่เธอรักจากความเจ็บปวดหลังการสูญเสียวิชั่น ซึ่งจริง ๆ แล้ววิชั่นได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ในเหตุการณ์ Avengers: Infinity War ความจริงที่ว่านี้ทำให้เรื่องราวเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความรู้สึกเจ็บปวด ในขณะเดียวกัน เหล่าตัวละครรอบข้างก็เริ่มสงสัยและตั้งคำถามถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นใน Westview มีเจ้าหน้าที่หน่วย S.W.O.R.D. ที่พยายามเข้าไปแทรกแซงและแก้ไขสถานการณ์นี้ โดยพยายามแยกวันดาออกจากโลกที่เธอสร้างขึ้น รวมถึงเผยให้เห็นปริศนาเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ซีรีส์นี้ผสมผสานความลึกลับ การเมืองทางอารมณ์ และเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่เข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะการสะท้อนความสูญเสีย ความรัก และการยอมรับความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง

การ์ตูน

Lightyear ตำนานนักบินแห่งกาแล็กซี

แอนิเมชันแนวไซไฟผจญภัยจาก Disney และ Pixar อย่าง Lightyear ที่เล่าถึงต้นกำเนิดของ บัซ ไลท์เยียร์ ฮีโร่ในจินตนาการของแอนดี้จาก Toy Story โดยในภาคนี้ ผู้ชมจะได้รู้จักตัวตนของบัซ ไลท์เยียร์ในฐานะนักบินอวกาศตัวจริง ไม่ใช่ของเล่นแต่อย่างใด เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อบัซ ไลท์เยียร์ และทีมนักบินอวกาศของเขาเดินทางสำรวจดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่เกิดข้อผิดพลาดทำให้พวกเขาต้องติดอยู่บนดาวดวงนั้นอย่างไม่คาดฝัน บัซรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ จึงอาสาทดสอบระบบไฮเปอร์สปีดเพื่อหาทางพาทีมกลับบ้าน แต่ในขณะที่เขาทดลองบินด้วยความเร็วเหนือแสง เวลาในจักรวาลภายนอกก็ผ่านไปเร็วกว่าบนยาน เมื่อเขากลับมายังดาวเดิมอีกครั้ง ก็พบว่าเวลาผ่านไปหลายสิบปี ผู้คนที่เขารู้จักได้แก่ ฮอว์ธอร์น เพื่อนร่วมทีมและคนสนิท ได้แก่ตัวไปหมดแล้วบัซไม่ยอมแพ้ เขาพยายามเดินหน้าทดสอบต่ออย่างไม่หยุดหย่อน แม้จะต้องเห็นคนรอบข้างล้มหายตายจากไปทีละคน จนในที่สุด เขาได้พบกับ “อิซซี่” หลานสาวของฮอว์ธอร์น และร่วมทีมกับเพื่อนใหม่อย่าง โม และ แดร์บี้ รวมถึงหุ่นแมวคู่ใจสุดฉลาดชื่อ “ซ็อกซ์” เพื่อหาทางเอาชนะภัยคุกคามใหม่ที่ชื่อว่า “จักรกลซูร์ก” ศัตรูจากอนาคตที่หวังจะครอบครองคริสตัลพลังงานและทำลายทุกอย่าง การต่อสู้ของบัซในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเอาชีวิตรอดหรือกลับบ้าน แต่เป็นการเรียนรู้ความหมายของคำว่า “ทีมเวิร์ก” และการยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เขาเริ่มเข้าใจว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และการเดินหน้าต่อไปคือสิ่งที่สำคัญที่สุด Lightyear เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยแอ็กชัน การผจญภัย และประเด็นที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเวลา

เกมส์

รีวิวเกม Lakeside Bar หยุมหยิม ณ ริมบึง

       ตรงตามชื่อไตเติ้ล Lakeside Bar มันเป็นเกมอินดี้แนวจัดการบริหารร้านบาร์ริมทะเลสาบที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยคุณจะได้สวมบทเป็นเจ้าของบาร์ผู้ต้องคอยควบคุมดูแลกิจการภายในทุกอย่างของร้านอาหารและเครื่องดื่มแห่งนี้ให้สามารถบริการและจัดเสิร์ฟสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้แบบไหลลื่นไม่มีติดขัด ซึ่งฟังดูมันก็คล้ายมินิเกมบริหารร้านอาหารทั่วไปที่พวกเราชาวออฟฟิศเคยแอบหลบเจ้านายมานั่งกดนั่งนั่งจิ้มกันทุกวันนั่นแหละครับขอบข่ายหน้าที่ของผู้เล่นในช่วงเริ่มต้นเกมนั้น มันจะค่อนข้างกว้างเนื่องจากเรายังไม่มีตังค์จ้างพนักงานผู้ช่วยจึงจำเป็นต้องลงมือทำเองแทบทุกอย่าง ตั้งแต่การเลือกเมนูที่จะขาย จัดแจงวางตำแหน่งโต๊ะเก้าอี้ให้ลูกค้านั่ง เดินรับคำสั่งออร์เดอร์จากลูกค้าแล้วยื่นส่งต่อให้บาร์เทนเดอร์ พอลูกค้าทานเสร็จลุกออกไปเราก็ต้องเก็บโต๊ะเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย คอยนับเงินรายได้ที่เข้ามา และต้องหมั่นเติมสต๊อกของขายที่ค่อยๆพร่องหายอยู่เสมอ เรียกว่าเปิดร้านวันแรกคุณจะไม่ได้หยุดพักต้องคอยจิ้มนั่นจิ้มนี่ตลอดเวลาจนมือเป็นระวิง แต่เกมนี้ดีอย่างตรงที่ลูกค้าน่ารักเชื่องเหมือนลูกสุนัขไม่มีบ่นไม่มีวีนสักคำ เสิร์ฟช้า เสิร์ฟผิด แขวนป้ายเปิด-ปิดไล่พวกเขาออกจากร้านตอนไหนก็ได้ตามใจเรา (อย่าไปเลียนแบบทำตามในชีวิตจริงเชียว)       จุดหมายหลักของเกมคือการเล่นเพื่อสร้างเลเวลชื่อเสียงให้กับร้านและเก็บสะสมเงินทองให้ได้มากขึ้นไปเรื่อยๆ โดยของทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกปลดล็อคอัตโนมัติเมื่อ ร้านบาร์ ของเรามีเลเวลสูงแตะถึงเกณฑ์ที่กำหนด ทุกการเลื่อนขั้นเราอาจได้เมนูอาหารใหม่ๆ ปลดล็อคพนักงานตำแหน่งใหม่ๆ หรืออะไรต่างๆที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจร้านอาหาร อีกทั้งเม็ดเงินกำไรที่ได้รับจากการขายหลังหักค่าใช้จ่าย เราสามารถแบ่งเงินรายได้ส่วนหนึ่งมาตกแต่งร้าน ว่าจ้างเชฟ เด็กเสิร์ฟเพิ่มเติม หรือฝึกฝนพนักงานเดิมที่มีอยู่ให้ทำงานคล่องแคล่วว่องไวขึ้น นับว่าเป็นการเอาเงินมาต่อยอดช่วยให้กิจการร้านอาหารของเราเจริญรุ่งเรืองร่ำรวยยิ่งๆขึ้นไปนั่นเองเมื่อบริหารร้านจนอยู่ตัว มีพนักงานพร้อมสรรพคอยหมุนเวียนเปลี่ยนผลัด การบริการต่างๆสามารถรันได้เองโดยที่เราไม่ต้องเข้าไปยุ่ง เมื่อถึงเวลานั้นผู้เล่นในฐานะเจ้าของบาร์จึงจะมีอิสระอย่างแท้จริง ซึ่งในช่วงว่างๆนี้เองเราสามารถลาหยุดพักผ่อนไปทำกิจกรรมสันทนาการอื่นๆได้ตามใจชอบ อาทิเช่น ปาเป้าหรือนั่งตกปลาริมทะเลสาบ ทว่าเนื่องด้วยโค้ดเกมที่เราได้รับมารีวิวนั้นยังคงเป็นเวอร์ชันเบต้า กิจกรรมรวมไปถึงเครื่องไม้เครื่องมืออะไรต่างๆจึงยังใส่มาให้ไม่ครบครัน พร่องขาดหายไปหลายองค์ประกอบด้วยกัน และคาดว่าตัวเกมเวอร์ชันเต็มสมบูรณ์มันน่าจะมีอะไรให้เราได้ทำฆ่าเวลามากกว่าที่เห็น       ตัวเกมเลือกนำเสนอการบริหารร้านผ่านภาพกราฟิกสไตล์ การ์ตูนพิกเซล 2D ที่มอบบรรยากาศย้อนยุคและให้ความรู้สึกที่ดูน่ารักอบอุ่น จัดหมวดหมู่อยู่ในประเภทเกมที่สามารถเล่นได้สนุกทุกเพศทุกวัยไม่จำกัดอายุ แต่เราเชื่อว่ามูลเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจเลือกใช้ภาพการ์ตูนเหลี่ยมหยักโชว์ดีเทลรายละเอียดอะไรไม่ได้มากนักแบบนี้ นั่นก็เพื่อสอดรับกับลูกเล่นกิมมิคจุดขายของเกมที่เราจะพูดถึงในลำดับถัดไปสเปคเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ในการทดสอบ ต้องขอบคุณทางบริษัท AMD ที่ให้ความอนุเคราะห์จัดการ์ดจอ

หนัง

รีวิวหนัง Yadang The Snitch ทรชนคนสองหน้า

     เฉือนคมละมุน ขบขันบรรเจิด เกิดเป็นความปังบ่อยครั้งที่ความบันเทิงของหนังฝั่งเกาหลี มักจะมาในรูปแบบที่แฝงด้วยประเด็นอาชญากรรม ที่ทำให้ความหนักหน่วงในประเด็นเดือด ๆ ดูผ่อนคลายความระอุลงได้ กลายเป็นอีกหนึ่งสูตรที่ประสบความสำเร็จบ่อย ๆ ในแง่หนังแอคชันตลกจากแดนกิมจิในสมัยนี้ และ Yadang The Snitch ทรชนคนสองหน้า ก็คือหนังจากโคเรียนเรื่องล่าสุดที่พกความทะเล้นสุดขึงขังนี้มาตีไข่และตอบโจทย์ให้กับแฟน ๆ ได้บันเทิงกันอย่างถ้วนหน้าอีกังซู อาชญากรหนุ่มต้องโทษได้รับข้อเสนอจากอัยการ กูกวันฮี ให้เขาเป็นยาดังให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับการลดโทษที่เขาต้องชดใช้อยู่ เขาจึงรับข้อเสนอและชีวิตในการเป็นยาดังของเขาก็รุ่งโรจน์ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ทำให้ โอซางแจ เจ้าหน้าที่สายสืบหน่วยปราบปรามยาเสพติดไม่ค่อยพอใจกับวิธีการนี้ เพราะทำให้แนวทางการสืบสวนของเขาเผชิญหน้ากับความล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ทำให้เขาเริ่มที่จะขุดคุ้ยความโยงใยในสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างอัยการหนุ่มและยาดังตัวจี๊ด ว่าจริง ๆ แล้วมันมีอะไรแอบซ่อนอยู่กันแน่หนังเป็นผลงานล่าสุดของนักแสดงตัวประกอบและตัวขโมยซีนในหนังเกาหลีดัง ๆ หลายเรื่อง อย่าง “ฮวังบยองกุก” ที่ถือว่าห่างหายไปจากการจับงานสร้างหนังไปกว่า 10 ปี เพราะเหมือนประชดที่เป็นผู้กำกับแล้วไม่ค่อยรุ่ง ทำให้หลังจากที่เคยสร้างหนังบู๊ SIU ฉายในปี 2011 เป็นต้นมา เขาก็หันมาเอาดีกับการแสดงอยู่หน้ากล้องแทน มีผลงานเป็นบทสมทบเล็ก ๆ ใน Veteran, Tunnel หรือ V.I.P. กว่าจะเรียกความมั่นใจให้กับมาสร้างหนังได้อีกครั้ง

No Time to Die
หนัง

รีวิวหนังเรื่อง No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ

พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ No Time to Die ถือเป็นบทสรุปสุดยิ่งใหญ่ของสายลับ 007 ที่รับบทโดย แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) ที่แฟนหนังเจมส์ บอนด์ทั่วโลกต่างเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ หนังภาคนี้กำกับโดย แครี่ โจจิ ฟูกุนากะ (Cary Joji Fukunaga) และเป็นภาคที่มีความยาวมากที่สุดในแฟรนไชส์บอนด์ นับตั้งแต่เริ่มต้นมา เรื่องราวเริ่มต้นหลังจากเหตุการณ์ในภาค Spectre เมื่อเจมส์ บอนด์ตัดสินใจวางมือจากชีวิตสายลับและใช้ชีวิตอย่างสงบในจาไมกา แต่แล้วอดีตอันแสนอันตรายก็ตามหลอกหลอน เมื่อเฟลิกซ์ ไลเตอร์ (Jeffrey Wright) เพื่อนเก่าจาก CIA มาขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการตามหานักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไป ภารกิจที่ดูเหมือนจะง่ายกลับพาเขาเข้าไปพัวพันกับวายร้ายคนใหม่ที่ชื่อ ซาฟิน (รับบทโดย รามี่ มาเลค) ผู้มีแผนร้ายระดับโลกและเชื่อมโยงกับอาวุธชีวภาพอันตราย จุดเด่นของเนื้อเรื่องคือความเชื่อมโยงกับภาคก่อน ๆ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับ แมเดอลีน สวอนน์ (Léa Seydoux) คนรักเก่าที่มีอดีตลึกลับ รวมถึงองค์กร Spectre ที่ยังคงตามหลอกหลอนบอนด์ การดำเนินเรื่องแม้จะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง

Scroll to Top