จากอสูรกายตัวเขียวสู่ตำนานแอนิเมชันสุดป่วนที่อบอุ่นหัวใจแบบไม่เหมือนใครถ้าพูดถึงแอนิเมชันที่ “ยิ่งดูยิ่งรัก” และเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัว บอกเลยว่า Shrek ยืนหนึ่งแบบไม่ต้องเถียง เพราะมันเป็นซีรีส์หนังที่ทั้งล้อเลียนเทพนิยาย ตลกแสบ ๆ คัน ๆ แต่กลับให้ข้อคิดชีวิตแบบเจ็บจี๊ดได้อย่างเหนือชั้น แถมมีหัวใจความเป็นครอบครัวและความรักที่อบอุ่นแบบสุด ๆที่สำคัญ—ทุกภาคมีโทนและอารมณ์ของตัวเอง ทำให้ดูทั้งสี่ภาคติดกันแล้วไม่เบื่อเลยแม้แต่นิดเดียวพร้อมแล้วก็มาอ่านรีวิวแบบเล่าเพลิน ๆ ไปทีละภาคกันเลย!
■ — “เทพนิยายที่โยนสูตรเดิมทิ้ง แล้วทำใหม่แบบ ‘โคตรแสบ!’”
ภาคแรกเปิดตัวได้ทรงพลังมาก เพราะมันกล้าล้อเลียนเทพนิยายเกือบทุกเรื่องที่เรารู้จัก ไม่ว่าจะเจ้าหญิงนอนในหอคอย มังกร ผู้กล้า หรือเจ้าชายสุดหล่อ ทุกอย่างถูกบิดใหม่จนคนดูขำท้องแข็ง
ชเร็ก—อสูรกายตัวเขียวที่อยากอยู่คนเดียว—กลับต้องออกผจญภัยช่วยเจ้าหญิงฟิโอนาแบบงง ๆ พร้อมคู่หูตัวป่วนอย่าง “ดองกี้” ที่พูดมากระดับตำนาน บอกเลยว่าเคมีของสองตัวนี้คือขับเคลื่อนหนังทั้งเรื่องแบบไม่ต้องพยายาม
ความพิเศษของภาค 1 คือมันไม่ใช่แค่เรื่องตลก แต่ยังพูดถึงการมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกแบบโคตรตรงใจ และตอนจบที่ฟิโอนาเผย “ตัวตนจริง” นี่คือหนึ่งในฉากที่ทำให้คนดูรักซีรีส์นี้ไปตลอดกาล

■ — “ภาคที่ดีที่สุดของซีรีส์—ปั่นกว่าเดิม สนุกกว่าเดิม และอบอุ่นกว่าเดิม!”
ภาค 2 คือมงกุฎของแฟรนไชส์นี้จริง ๆ ทุกอย่างถูกอัปเกรดขึ้นหมด—ทั้งมุกตลก แอ็กชัน ความสัมพันธ์ ตัวละครใหม่ และเพลงประกอบที่ติดหูจนต้องกลับไปเปิดซ้ำ
การที่ชเร็กต้องไปพบพ่อแม่ของ ฟิโอนา เป็นพล็อตที่ทั้งสนุกและชวนปวดหัวแบบญาติเจอกันครั้งแรกสุด ๆ โดยเฉพาะเจ้าชายเสน่ห์เจ้าชายสุดหล่อ กับแม่ทูนหัวสุดแสบ ที่กลายเป็นตัวร้ายแบบงานดีเกินคาด
ภาคนี้ยังเปิดตัว “พุซ อิน บู๊ทส์” แมวหน้าหวานที่ตัวยั่วโมโหสุด ๆ แต่ขโมยซีนทุกฉากที่โผล่มา บอกเลยว่าพุซคือหนึ่งในตัวละครที่ยกระดับหนังไปอีกขั้น
และฉากดนตรีตอนท้ายที่ฟิโอนาและชเร็กสู้กับแม่ทูนหัว… เป็นตำนานแบบที่ใครดูก็จำได้ไม่ลืม

■ — “ความวุ่นวายของราชา (จำเป็น) กับวัยรุ่นหัวร้อนที่น่ารักกว่าที่คิด”
ภาค 3 อาจไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็เป็นภาคที่ดูเพลินกว่าที่หลายคนคิด มีโทนสบาย ๆ เน้นความฮา ความป่วน และการเติบโตของชเร็กที่ดันต้องกลายเป็น “ราชาเฉพาะกิจ” ทั้งที่ไม่พร้อมสุด ๆ
เส้นเรื่องของ “เจ้าชายอาเธอร์”—วัยรุ่นที่ยังหาตัวเองไม่เจอ—ก็ช่วยให้หนังมีเสน่ห์แบบ Coming-of-age มากขึ้น แถมดองกี้กับพุซยังสลับร่างกันแบบฮาน้ำตาไหล บอกเลยว่าภาคนี้แม้จะเบากว่า แต่ก็ยังมีความน่ารักอบอุ่นที่ทำให้ยิ้มได้อยู่ดี

■ : Forever After — “ภาคที่ทำให้เรารู้ว่า… บางครั้ง ‘ชีวิตที่มีอยู่’ คือของล้ำค่าที่สุด”
ภาค 4 คือภาคที่โตที่สุดทั้งอารมณ์และประเด็น ชเร็กผู้เหนื่อยกับชีวิตครอบครัวและความวุ่นวายของลูก ๆ จนรู้สึกว่าอยากได้ “ความเป็นอสูรกายตัวเดิม” กลับมา และนั่นทำให้เขาถลำไปทำดีลกับรัมเพิลสติลท์สกินจนโลกเปลี่ยนไปทั้งหมด
พล็อต “โลกคู่ขนาน” ทำให้เราเห็นชเร็กในมุมที่อ่อนแอและโดดเดี่ยวที่สุด และเมื่อเขาต้องตามหาฟิโอนาอีกครั้ง มันเลยกลายเป็นเรื่องราวรักที่มีความลึกแบบผู้ใหญ่สุด ๆ
ตอนจบคืออบอุ่นมาก จนคนดูรู้สึกได้ว่า “ครอบครัวนี้มีค่ากว่าที่ชเร็กคิดไว้มาก”
■ สรุปทั้ง 4 ภาค — ซีรีส์ที่ป่วน สนุก และมีหัวใจที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่ง
ไม่ใช่แค่หนังตลกล้อเทพนิยาย แต่มันคือหนังที่ “ล้อเพื่อเล่า” และ “ตลกเพื่อแตะใจ” ทุกภาคมีเสน่ห์ของตัวเอง และทุกตัวละครก็มีความน่ารักแบบไม่ต้องแกล้งทำ
- ภาค 1 — ฮา สดใหม่ และให้ข้อคิด
- ภาค 2 — สมบูรณ์แบบ เข้มข้น อบอุ่น และฮามาก
- ภาค 3 — เบา สนุก และอบอุ่นแบบเพลิน ๆ
- ภาค 4 — ลึกกว่าเดิม สวยงาม และปิดเรื่องได้ประทับใจมาก
ถ้าคุณอยากดูอะไรที่ทั้งฮา อบอุ่น และเต็มไปด้วยเสน่ห์ไม่เหมือนใคร Shrek คือคำตอบแบบไม่ต้องคิดเยอะเลย!




