รีวิวหนัง A Boy Called Christmas
ภาพยนตร์เรื่อง A Boy Called Christmas พาเราย้อนกลับไปสู่ต้นกำเนิดของตำนานซานตาคลอสในแบบที่อบอุ่นหัวใจและชวนฝัน นี่คือเรื่องราวของ นิกอลาส (รับบทโดย เฮนรี ลอว์ฟูล) เด็กชายผู้มองโลกในแง่ดีและมีจิตใจบริสุทธิ์ ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่ปกคลุมด้วยหิมะกับพ่อของเขา (รับบทโดย มิไคล์ ฮุยส์แมน) และป้าคาร์ลอตตาผู้เข้มงวด (รับบทโดย คริสเตน วิอิก) ชีวิตของนิกอลาสเต็มไปด้วยความยากลำบาก หลังจากการจากไปของแม่ เขาต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บและความหิวโหยในหมู่บ้านอันแร้นแค้นแห่งนี้ เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อพระราชา (รับบทโดย จิม บรอดเบนท์) ทรงมีพระราชดำริให้ชาวบ้านออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งที่นำความหวังกลับคืนมาสู่แผ่นดิน พ่อของนิกอลาสและชาวบ้านคนอื่น ๆ จึงออกเดินทางทิ้งให้นิกอลาสต้องอยู่กับป้าคาร์ลอตตาที่ไม่เคยใจดีกับเขาเลย ด้วยความเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถตามหาพ่อและนำความหวังกลับคืนมาได้ นิกอลาสจึงตัดสินใจออกเดินทางผจญภัยสู่ดินแดนทางเหนืออันลึกลับที่เรียกว่า เอลฟ์เฮล์ม ดินแดนแห่งเทพนิยายที่เชื่อกันว่ามีพวกเอลฟ์อาศัยอยู่ การเดินทางของเขายิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยอันตราย เขาต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่าง ๆ ทั้งความหนาวเหน็บ สัตว์ป่า และภูมิประเทศที่โหดร้าย แต่เขาก็ไม่ได้เดินทางคนเดียว เขาได้รับความช่วยเหลือจากหนูตัวจิ๋วที่พูดได้ (ให้เสียงโดย สตีเฟน เมอร์แชนต์) และกวางเรนเดียร์จอมดื้อรั้นชื่อบลิทเซน ตลอดการเดินทาง นิกอลาสได้เรียนรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของความกล้าหาญ ความเมตตา และความหวัง การได้พบกับตัวละครต่าง ๆ ในดินแดนเอลฟ์เฮล์ม เช่น มาเธอร์ วอร์เรล (รับบทโดย ซัลลี ฮอว์กินส์) และ ฟาเธอร์ ท็อปเวลล์ (รับบทโดย ท็อบ บอสตัน) ทำให้เขาได้สัมผัสกับเวทมนตร์และประเพณีของเอลฟ์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างสรรค์ โลกแฟนตาซี ออกมาได้อย่างงดงามน่าทึ่ง ตั้งแต่บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไปจนถึงป่าไม้ที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับของเอลฟ์เฮล์ม งานภาพที่สวยงามประกอบกับดนตรีประกอบที่ไพเราะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศแห่งความมหัศจรรย์และเทศกาลคริสต์มาสได้อย่างสมบูรณ์แบบ A Boy Called Christmas ไม่ใช่แค่ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องซานตาคลอสเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวของความเชื่อมั่นในตัวเอง การเอาชนะอุปสรรค และการค้นพบว่าพลังแห่งความสุขและความหวังนั้นเริ่มต้นจากภายในใจของเราเอง แม้จะมีบางช่วงที่เรื่องราวอาจจะดูมืดหม่นไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มอบความรู้สึกอบอุ่นหัวใจและชวนให้ซาบซึ้งใจ ถือเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลวันหยุด มันจะทำให้คุณเชื่อในเวทมนตร์ของคริสต์มาสอีกครั้ง และตระหนักว่าสิ่งมหัศจรรย์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ หากเราเพียงแค่เปิดใจรับมันเข้ามา