โกรธ คับแค้น และหม่นเศร้าสะเทือนใจ คือความรู้สึกของผมหลังจากดู Take Care of Maya จบ ถัดมาคืออยากป่าวร้องเชิญชวนทุกคนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักให้ดูหนังเรื่องนี้เป็นสารคดีปี 2023 สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ทาง Netflix กำกับโดยเฮนรี โรสเวลต์
จุดเด่นแรกสุดของสารคดีเรื่องนี้ คือการใช้วิธีนำเสนอเหมือนหนังที่เป็นเรื่องแต่ง มีเหตุการณ์เข้มข้นชวนติดตามมากมาย จนพูดได้ว่าราวกับเป็นพล็อตเรื่องที่เขียนบทออกมาได้อย่างเก่งกาจช่ำชอง ทั้งดึงดูดสะกดตรึงตั้งแต่ต้นจนจบ ดำเนินเรื่องกระชับฉับไว เต็มไปด้วยฉากดรามาดีๆ อยู่ตลอดเวลา ตัวบุคคลหลักๆ ผู้เกี่ยวข้อง ชวนให้นึกถึงตัวละครเด่นๆ ในหนังปกติทั่วไป และที่สำคัญคือเป็นสารคดีที่ตั้งใจเร้าอารมณ์อย่างเต็มที่ (โดยการตัดต่อลำดับดับภาพและใส่ดนตรีประกอบ) ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นสารคดีที่มีพระเอก นางเอก และผู้ร้าย มีฝ่ายที่ตกเป็นเหยื่อ และฝ่ายที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงรังแกกัน (โดยถูกกฎหมาย) อย่างโหดร้ายเหี้ยมเกรียม
Take Care of Maya เปิดฉากด้วยการเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างครอบครัว แจ็ค โควัลสกี พนักงานดับเพลิง ได้พบกับบีเอตา หญิงสาวชาวโปแลนด์ซึ่งอพยพมายังอเมริกาตั้งแต่อายุ 16 ปี ฝ่าฟันความยากลำบากต่างๆ ทั้งเรื่องภาษาและชีวิตความเป็นอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ จนกระทั่งเรียนจบวิทยาลัย ได้งานทำเป็นพยาบาลในห้องสวนหลอดเลือดหัวใจที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยลอโยลา แจ็คกับบีเอตาต่างตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกพบ และแต่งงานกันหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ปรารถนาอยากมีลูก แต่กลับพบอุปสรรคสำคัญคือภาวะมีบุตรยาก หลายปีผ่านไป ความเพียรพยายามของทั้งสองถึงประสบผล ครอบครัวโควัลสกีมีลูก 2 คน คือ มายา ผู้เป็นลูกสาว และไคล์ ลูกชาย
มองเผินๆ ครอบครัวโควัลสกีแลดูเหมือนครอบครัวในฝัน เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ทั้งฐานะการเงินที่มั่นคง มีบ้านสวยน่าอยู่ในย่านพำนักอาศัยที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สามีภรรยา พ่อ แม่ ลูก รักใคร่กลมเกลียวอบอุ่น เป็นเช่นนั้นตลอดมาจนถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิปี 2015 เมื่อมายาอายุ 10 ขวบ จู่ๆ เธอก็ล้มป่วย แรกเริ่มอาการดูเหมือนเป็นโรคหอบหืด หลังจากรักษาตัว เปลี่ยนโรงพยาบาลหลายแห่ง สภาพร่างกายของมายายิ่งทรุดหนัก เธอขยับเคลื่อนร่างกายไม่ได้ ร่างกายช่วงล่างมีสภาพกล้ามเนื้อบิดเกร็ง จนอยู่ในท่วงท่าฝืนธรรมชาติ เจ็บปวดตามร่างกายในลักษณะแสบร้อนเหมือนโดนลวกหรือไฟไหม้ และยิ่งทวีความรุนแรงเมื่อเกิดการกระทบสัมผัส (แม้จะเป็นการแตะเนื้อต้องตัวเบาๆ ระดับความเจ็บกลับเหมือนโดนมีดทิ่มแทง)
หมอหลายๆ คนจนปัญญาวินิจฉัยว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และเป็นอาการป่วยของโรคใด บีเอตาผู้เป็นแม่และมีอาชีพพยาบาล จึงใช้เวลาหลังเลิกงานค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต โดยพิมพ์อาการป่วยที่เกิดกับลูกสาว จนกระทั่งพบชื่อของ ดร.แอนโทนี เคิร์กแพทริก ผู้เชี่ยวชาญการรักษาผู้ป่วยที่ประสบความทุกข์ทรมานใกล้เคียงกับอาการของมายา
ดร.เคิร์กแพทริกวินิจฉัยว่า มายาป่วยเป็นโรค CRPS (complex regional-pain syndrome) หรือ ‘กลุ่มอาการป่วยเฉพาะบริเวณแบบซับซ้อน’ โรคดังกล่าวสามารถบำบัดรักษาด้วยเคตามีน ซึ่งมีสรรพคุณโดยทั่วไปเป็นยาเสพติดออกฤทธิ์หลอนประสาท ทำให้ผู้เสพรู้สึกเป็นสุข เคลิบเคลิ้ม เกิดภาพฝัน หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานหรือเสพในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลกระทบต่อสมองจนเป็นอันตราย แต่ดร.เคิร์กแพทริกอธิบายว่า เคตามีนมีคุณสมบัติเหมากับการรักษาโรค CRPS เพราะสามารถกระตุ้นการทำงานของสมองและรีเซ็ตทุกอย่างใหม่