The Princess and the Frog

The Princess and the Frog (2009)

🐸✨ รีวิว The Princess and the Frog” เจ้าหญิงดิสนีย์ผู้ไม่รอจูบ แต่เลือกสร้างฝัน! ถ้าพูดถึงหนังเจ้าหญิงดิสนีย์คลาสสิกที่กลับมาพร้อมมนต์เสน่ห์แบบดั้งเดิม ผสมผสานความทันสมัย และเพลงแจ๊สสุดเร้าใจ… คุณต้องนึกถึงเรื่องนี้! (มหัศจรรย์มนต์รักเจ้าชายกบ) คือการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแอนิเมชัน 2D แบบวาดมือที่ตราตรึงใจ และยังเป็นครั้งแรกที่ดิสนีย์นำเสนอ ‘เจ้าหญิงผิวสี’ ในบทบาทนำอย่างเต็มตัว

 

📝 ข้อมูลเบื้องต้น: ผู้สร้างและสตูดิโอ

  • ผู้สร้าง: The Walt Disney Company (โดย Walt Disney Animation Studios)
  • ผู้กำกับ: จอห์น มัสเกอร์ (John Musker) และ รอน เคลเมนต์ส (Ron Clements) คู่หูระดับตำนานที่เคยฝากผลงานอย่าง The Little Mermaid, Aladdin และ Hercules
  • วันฉาย: 2009
  • แนว: แอนิเมชัน/มิวสิคัล/แฟนตาซี/โรแมนติกคอมเมดี้
  • ฉากหลัง: นิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ในยุค 1920s

The Princess and the Frog

📖 สรุปเนื้อเรื่องย่อ

ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราย้อนเวลากลับไปสู่เมือง นิวออร์ลีนส์ ที่เต็มไปด้วยจังหวะดนตรีแจ๊สและเวทมนตร์วูดู นี่คือเรื่องราวของ เทียนา (Tiana) หญิงสาวผู้ขยันขันแข็งและมีแรงขับเคลื่อนสูง เธอไม่ได้ใฝ่ฝันถึงปราสาทหรือเจ้าชาย แต่เธอมีความฝันเดียวคือการเปิดร้านอาหารของตัวเอง ซึ่งเป็นความฝันที่พ่อของเธอมอบไว้ให้

วันหนึ่ง เจ้าชายนาวีน (Naveen) จากประเทศมาลโดเนีย ผู้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย ได้เดินทางมายังเมืองแห่งนี้ แต่ด้วยความประมาท ทำให้เขาถูกหลอกโดยหมอผีวูดูเจ้าเล่ห์ ดร. ฟาซิลิเยร์ (Dr. Facilier) และถูกสาปให้กลายเป็นกบ!

นาวีนที่กลายเป็นกบจึงพยายามขอความช่วยเหลือจากเทียนา โดยเข้าใจผิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิง เขาขอให้เธอจูบเขาเพื่อถอนคำสาป… แต่กลายเป็นว่าจูบครั้งนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าชายกลับร่างเดิม แต่กลับทำให้ เทียนากลายเป็นกบตามไปด้วย!

จากนั้นทั้งคู่จึงต้องร่วมเดินทางผจญภัยไปยังป่าดิบชื้น (Bayou) เพื่อตามหาวิธีที่จะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ให้ได้ก่อนจะสายเกินไป ท่ามกลางอันตรายจากเวทมนตร์มืด และเหล่าเพื่อนร่วมทางสุดป่วนที่คอยช่วยเหลืออย่าง หลุยส์ (Louis) จระเข้ที่ฝันอยากเป่าทรัมเป็ต และ เรย์ (Ray) หิ่งห้อยโรแมนติกที่คลั่งรักดวงดาว!

 

จุดเด่นที่ทำให้น่าติดตาม

  1. การกลับมาของแอนิเมชัน 2D คลาสสิก: หลังจากที่ดิสนีย์หันไปใช้ 3D CG เป็นหลัก เรื่องนี้คือการหวนคืนสู่สไตล์ วาดมือ (Hand-Drawn Animation) ที่สวยงามและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ลายเส้นและสีสันในสไตล์อาร์ตเดโคและกลิ่นอายของนิวออร์ลีนส์ทำให้ภาพยนตร์ดูมีเอกลักษณ์และอบอุ่นหัวใจ
  2. เจ้าหญิงที่แตกต่างและเป็นแรงบันดาลใจ: เทียนา คือหนึ่งในเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ทรงพลังที่สุด เธอเป็นผู้หญิงที่ยึดมั่นในความฝันและคุณค่าของการทำงานหนัก เธอไม่ได้นั่งรอคอยความรักหรือโชคชะตา แต่เธอเลือกที่จะ ลงมือทำ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ นี่คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของ ความมานะพยายาม ที่ส่งต่อให้คนดูทุกเพศทุกวัย
  3. เพลงประกอบสไตล์แจ๊สและบลูส์สุดมันส์: เพลงในเรื่องนี้ประพันธ์โดย แรนดี นิวแมน (Randy Newman) เจ้าของรางวัลออสการ์ (และผู้ที่ผูกพันกับ Pixar) ดนตรีมาในแนว แจ๊ส, บลูส์, และกอสเปล ที่เข้ากับฉากหลังของนิวออร์ลีนส์ได้อย่างลงตัว เพลงอย่าง “Almost There” และ “Friends on the Other Side” ติดหูและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ทางดนตรี
  4. ฉากหลังและวัฒนธรรมที่เข้มข้น: นิวออร์ลีนส์ไม่ใช่แค่ฉากหลัง แต่เป็นตัวละครสำคัญของเรื่อง! หนังนำเสนอวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทั้งดนตรีแจ๊ส, เทศกาลมาร์ดิกราส, อาหารรสเลิศ (โดยเฉพาะโดนัทเบญเญ่ต์) และตำนานวูดูได้อย่างน่าสนใจ ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปสัมผัสบรรยากาศจริง ๆ

 

👍 ข้อดีที่ทำให้หนังเรื่องนี้เป็น “ต้องดู”

  • การพัฒนาตัวละครที่สมจริง: ทั้งเทียนาและเจ้าชายนาวีนต่างก็ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง เทียน่าเรียนรู้ที่จะพักและสนุกกับชีวิตบ้าง ส่วนนาวีนเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบและพึ่งพาตัวเอง การเดินทางในร่างกบทำให้ทั้งคู่ได้เห็นคุณค่าของกันและกันที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ภายนอกหรือฐานะ
  • วายร้ายที่มีเสน่ห์น่ากลัว: ดร. ฟาซิลิเยร์ เป็นวายร้ายที่น่าจดจำของดิสนีย์ ด้วยการออกแบบตัวละครที่ดูเท่ มีสไตล์ และมีความลึกลับของเวทมนตร์วูดู ทำให้ฉากที่เขาร้องเพลงและใช้พลังดูมีพลังและชวนขนลุก
  • มีอารมณ์ขันและตัวละครสมทบที่น่ารัก: มิตรภาพที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ หลุยส์ จระเข้นักดนตรี และ เรย์ หิ่งห้อยคลั่งรัก คือตัวสร้างสีสันชั้นดี ที่ทำให้การผจญภัยของกบสองตัวไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเรื่องราวความรักของเรย์ที่ลึกซึ้งเกินคาด
  • เป็นจุดเริ่มต้น ‘ยุคฟื้นฟู’ ของดิสนีย์: ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างไม่เป็นทางการของยุคที่เรียกว่า “Disney Revival Era” ซึ่งเป็นการกลับมาทำหนังที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างล้นหลามและทำเงินได้อย่างมหาศาล (ตามมาด้วย Tangled, Frozen และเรื่องอื่น ๆ) การได้ดูเรื่องนี้จึงเหมือนได้ย้อนไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของดิสนีย์อีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ยุค 3D เต็มตัว

 

The Princess and the Frog

🎬 สรุป: ทำไมคุณควรดู?

ไม่ใช่แค่การหยิบเทพนิยายเก่ามาเล่าใหม่ แต่เป็นการปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างยอดเยี่ยม โดยยังคงรักษาจิตวิญญาณแห่งความมหัศจรรย์ของดิสนีย์เอาไว้ได้ครบถ้วน เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวของความรัก ความมุ่งมั่น และการทำให้ความฝันเป็นจริงด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของตัวเอง หากคุณคิดถึงแอนิเมชัน 2D ที่มีเพลงเพราะ ตัวละครน่ารัก และเรื่องราวที่ให้แง่คิดดี ๆ เรื่องนี้คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด!

 

Scroll to Top