ถ้าพูดถึงชื่อ Studio Ghibli หลายคนคงนึกถึงเด็กหญิงในดินแดนมหัศจรรย์ หรือวิญญาณป่ารูปร่างน่ารัก แต่สำหรับ The Wind Rises (Kaze Tachinu) นี่คือผลงานที่ “จริงจัง” และ “เป็นผู้ใหญ่” ที่สุดเรื่องหนึ่งของสตูดิโอแห่งนี้ โดยเป็นผลงานกำกับและเขียนบทโดย ฮายาโอะ มิยาซากิ ซึ่งออกฉายในปี 2013 และเกือบจะเป็นผลงานทิ้งทวนก่อนเกษียณของเขา
เรื่องย่อ: เมื่อความฝันโบยบินท่ามกลางมรสุมแห่งยุคสมัย
บอกเล่าเรื่องราวของ จิโร่ โฮริโกชิ เด็กหนุ่มผู้มีความฝันอยากเป็นนักบิน แต่ด้วยปัญหาทางสายตาทำให้เขาไม่สามารถทำตามความฝันนั้นได้ เขาจึงเลือกเส้นทางใหม่นั่นคือการเป็น “ผู้ออกแบบเครื่องบิน”
เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1920 – 1930 ซึ่งเป็นยุคที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ คลื่นเศรษฐกิจตกต่ำ และการก้าวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 จิโร่ต้องทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อสร้าง “สิ่งที่สวยงาม” อย่างเครื่องบินท่ามกลางโลกที่กำลังแตกสลาย โดยมีแรงผลักดันจากความฝันถึง “จิโอวานนี คาโปรนี” นักออกแบบเครื่องบินชาวอิตาลีผู้เป็นแรงบันดาลใจ และความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อ นาโอโกะ หญิงสาวที่เข้ามาเติมเต็มหัวใจในวันที่ลมพัดแรง

จุดเด่นที่ทำให้ “ต้องดู” สักครั้งในชีวิต
- การปะทะกันระหว่าง “ความฝัน” และ “ความจริง”
จุดที่น่าติดตามที่สุดคือปมในใจของตัวเอก จิโร่อยากสร้างเครื่องบินที่สวยงาม แต่ความจริงที่โหดร้ายคือเครื่องบินเหล่านั้นต้องถูกนำไปใช้ในสงครามและกลายเป็นอาวุธสังหาร หนังตั้งคำถามกับเราว่า “เราควรเดินตามความฝันต่อไปไหม หากปลายทางของฝันนั้นอาจสร้างความเจ็บปวดให้ผู้อื่น?”
- งานภาพระดับ Masterpiece
ลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของ Ghibli ในเรื่องนี้ทำออกมาได้ละเมียดละไมมาก โดยเฉพาะฉากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคันโตที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าขนลุกและทรงพลัง รวมถึงฉากท้องฟ้าและเครื่องบินที่ดูแล้วรู้สึกถึงอิสระจนอยากจะออกไปบินจริงๆ
- งานเสียงที่แปลกใหม่และมีเสน่ห์
ความพิเศษของเรื่องนี้คือ “เสียงเอฟเฟกต์” หลายอย่าง เช่น เสียงเครื่องยนต์เครื่องบิน หรือเสียงแผ่นดินไหว ถูกเลียนแบบด้วย “เสียงมนุษย์” ทำให้ภาพยนตร์มีความรู้สึกที่เป็นออร์แกนิกและมีความเป็นมนุษย์สูงมาก
ข้อดีที่ทำให้ตราตรึงใจ
- ประวัติศาสตร์ที่จับต้องได้: หนังหยิบยกชีวประวัติของบุคคลที่มีตัวตนจริง (จิโร่ โฮริโกชิ) มาผสมผสานกับนิยายเรื่องของ ทัตสึโอะ โฮริ ได้อย่างลงตัว ทำให้เราเห็นภาพประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงเปลี่ยนผ่านได้อย่างชัดเจน
- พลังใจในการใช้ชีวิต: ประโยคเด็ดของเรื่องอย่าง “Le vent se lève! … il faut tenter de vivre!” (ลมพัดแรงแล้ว เราต้องพยายามมีชีวิตอยู่) เป็นข้อความที่ให้กำลังใจคนดูได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าโลกจะโหดร้ายแค่ไหน เราก็ต้องก้าวต่อไป
- ความรักที่สวยงามและเศร้าสร้อย: เส้นเรื่องความรักระหว่างจิโร่และนาโอโกะถูกนำเสนอออกมาได้อย่างเรียบง่ายแต่กินใจ มันไม่ใช่ความรักแบบหวือหวา แต่เป็นความรักที่ซัพพอร์ตกันในวันที่ชีวิตยากลำบากที่สุด
สรุปส่งท้าย
ไม่ใช่แค่การ์ตูนเกี่ยวกับเครื่องบิน แต่มันคือจดหมายรักถึงเหล่า “ผู้สร้าง” และ “นักฝัน” ทุกคน แม้โทนเรื่องจะดูหม่นกว่างานชิ้นอื่นๆ ของ Ghibli แต่มันกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและแรงบันดาลใจ นี่คือภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณหันกลับมามองความฝันของตัวเองอีกครั้ง พร้อมกับคำถามที่ว่า “เราใช้เวลา 10 ปีที่มีค่าของเราอย่างคุ้มค่าแล้วหรือยัง?”
หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่มีความลึกซึ้ง งานศิลปะชั้นครู และเรื่องราวที่ทิ้งตะกอนความคิดไว้ในใจนานเท่านาน The Wind Rises คือผลงานที่คุณไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ





