ซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ครองใจแฟนๆทั่วโลกเพราะไม่ได้เป็นแค่โรแมนติกดราม่า แต่ยังสะท้อนความฝัน ความผิดหวัง และการเติบโตในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Twenty-Five Twenty-One หรือในชื่อไทยว่า ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ประสบความสำเร็จและครองใจผู้ชมในปี 2022 เพราะมันไม่ได้เล่าเพียงเรื่องราวความรักโรแมนติกระหว่างหญิงสาวและชายหนุ่มเท่านั้น แต่ยังสะท้อนความฝัน ความผิดหวัง และการเติบโตในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตได้อย่างลึกซึ้ง
ในเรื่องนี้จะเรื่องราวเริ่มต้นในปี 1998 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ IMF ของเกาหลีใต้ ชีวิตของหลายครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง นาฮีโด เด็กสาวมัธยมที่มีความฝันอยากเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติ ต้องเจอกับอุปสรรคครั้งใหญ่ เมื่อโรงเรียนของเธอยุบชมรมฟันดาบ แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เธอเลือกที่จะหาหนทางสู้ต่อ แม้จะเต็มไปด้วยความยากลำบากก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง แพคอีจิน ชายหนุ่มที่เคยมีชีวิตสบาย ต้องพลิกผันจนกลายเป็นคนที่ต้องดิ้นรนทำงานสารพัดอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ หลังครอบครัวล้มละลายเพราะเศรษฐกิจถดถอย การพบกันของ นาฮีโด และ แพคอีจิน ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความหวานแหวว แต่เกิดจากการเป็นกำลังใจให้กันในยามที่ทั้งคู่ต่างบอบช้ำจากโลกใบนี้ ทั้งคู่เปรียบเสมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ต่างคนต่างลุกขึ้นยืนและสู้กับความฝันของตัวเองได้อีกครั้ง ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตขึ้นท่ามกลางบรรยากาศแห่งมิตรภาพ ความอบอุ่น และความหวังเล็ก ๆ ในวันที่ทุกอย่างรอบตัวเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน
สิ่งที่ทำให้ซีรีส์ ยี่สิบห้า ยี่สิบเอ็ด เรื่องนี้น่าจดจำคือการถ่ายทอดบรรยากาศในยุค 90s ถึง 2000s ที่สมจริงและชวนให้ผู้ชมรู้สึกคิดถึง ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น เพลงประกอบ หรือเทคโนโลยีในสมัยนั้น รวมถึงการสร้างเคมีของนักแสดงนำอย่าง Kim Tae-ri และ Nam Joo-hyuk ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว จนทำให้ผู้ชมอินและรู้สึกเหมือนกำลังมีส่วนร่วมกับชีวิตของตัวละครจริงๆ นอกจากเรื่องความรักแล้ว ซีรีส์ยังพูดถึงการเติบโตของวัยรุ่นที่ต้องเรียนรู้การเอาชนะอุปสรรค การยอมรับความจริงที่โหดร้าย และการไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน ถึงแม้เส้นทางจะเต็มไปด้วยขวากหนามก็ตาม อีกทั้งยังมีการเล่าถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อน และสายสัมพันธ์ในครอบครัวที่บางครั้งก็เต็มไปด้วยความตึงเครียด
แต่ท้ายที่สุดกลับแสดงให้เห็นว่าความรักยังคงเป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังเสมอ และสิ่งที่ผู้ชมพูดถึงมากที่สุดก็คือตอนจบของเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ตอนจบที่โรแมนติกตามสูตรสำเร็จ หากแต่เป็นตอนจบที่สมจริงและสะท้อนความเป็นไปของชีวิต ว่าความรักที่เคยงดงามอาจไม่สามารถคงอยู่ตลอดไป แต่สิ่งสำคัญคือความทรงจำและการเติบโตที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น จึงไม่ใช่แค่ซีรีส์รักวัยรุ่น แต่เป็นงานที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ อบอุ่น ซึ้ง และเศร้าปนกันไป เหมาะสำหรับคนที่อยากดูเรื่องราวของการตามหาความฝันและการก้าวผ่านวัยแห่งการเปลี่ยนแปลง