ในช่วงทศวรรษ 1950 ประเทศเกาหลีใต้ยังคงบาดแผลจากสงครามเกาหลี และกำลังพยายามฟื้นตัวจากความสูญเสียอย่างหนักหน่วง ในขณะที่แผ่นดินใหญ่กำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงอย่างดุเดือด เกาะเชจู เกาะภูเขาไฟที่อยู่ทางใต้สุดของคาบสมุทรเกาหลีกลับเป็นเสมือนโลกอีกใบ ที่มีจังหวะชีวิตของตนเอง มีสายลมเกลือทะเล มีสวนส้มที่เต็มไปด้วยผลสุกงอม และมีเรื่องราวของผู้คนที่ไม่เคยถูกเล่าขานมากนัก When Life Gives You Tangerines ไม่ใช่เพียงการเล่นคำจากวลีดัง When life gives you lemons หากแต่เป็นการสื่อสารถึงความหวานอมเปรี้ยวของชีวิตบนเกาะเชจูผ่านส้มแทน ผลไม้ประจำถิ่นที่เติบโตได้ดีในดินภูเขาไฟ และกลายเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจในเวลานั้น
ในยุคที่เกาะยังไม่กลายเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยม ชีวิตของชาวเชจูเต็มไปด้วยความเรียบง่ายและขาดแคลน แต่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่อ่อนโยน สวนส้มในหุบเขา หมู่บ้านริมทะเล และประเพณีพื้นถิ่น เช่น การร้องเพลงพื้นบ้านหรือการประกอบพิธีกรรมเล็กๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เรื่องราวของความรักในยุคนั้นจึงไม่ได้หวือหวา หรือถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหรือความสะดวกสบาย หากแต่เกิดจากการพบกันซ้ำๆ ท่ามกลางกิจวัตร เช่น ชายหนุ่มที่ช่วยหญิงสาวเก็บส้มในสวน ชายชาวประมงที่เฝ้ารอหญิงสาวกลับจากตลาด หรือจดหมายรักที่เขียนด้วยลายมือบนกระดาษเก่าที่ส่งข้ามหมู่บ้าน ความรักเหล่านี้ค่อยๆ งอกงามเหมือนต้นส้ม ช้าแต่มั่นคง สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นบนเกาะเชจูในยุคนั้นคือบทบาทของผู้หญิง โดยเฉพาะ แฮนยอ (Haenyeo) หรือเหล่านักดำน้ำหญิง ที่ดำน้ำงมหอยและสัตว์ทะเลโดยไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆ เพื่อเลี้ยงชีพครอบครัว พวกเธอคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและการพึ่งพาตนเองในสังคมที่ผู้ชายหลายคนยังไม่กลับจากสงครามหรือทำงานอยู่แผ่นดินใหญ่ หญิงสาวในยุค 1950 ของเชจูจึงมิได้ถูกจำกัดในกรอบแบบสตรีเกาหลีทั่วไป พวกเธอทำงานหนัก ดำรงครอบครัว และยังสามารถตัดสินใจเรื่องชีวิตและความรักด้วยตนเอง ความรักจึงไม่ใช่การพึ่งพา แต่คือการร่วมสร้างชีวิตไปด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังภาพแห่งความสงบงามนั้น เกาะเชจู ก็เคยเผชิญบาดแผลจากประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเหตุการณ์ การลุกฮือ 3 เมษายน 1948 ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้คนยาวนานถึงยุค 1950 การกวาดล้างผู้เห็นต่างทางการเมืองทำให้หลายครอบครัวแตกสลาย หลายคนต้องใช้ชีวิตหลบซ่อน และบาดแผลนี้กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่พูดถึง แต่อยู่ในความทรงจำเสมอ ชีวิตในยุค 1950 จึงเป็นเสมือนการเดินบนเส้นบางระหว่างอดีตที่เจ็บปวดและอนาคตที่ยังไม่แน่นอน และในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ความรัก ความหวัง และความอบอุ่นของครอบครัวจึงกลายเป็นพลังที่ประคองชีวิตไว้ When Life Gives You Tangerines จึงไม่ใช่เพียงคำบรรยายถึงผลไม้รสเปรี้ยวหวาน แต่คือการบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนที่เลือกจะใช้ชีวิตต่อแม้ในวันที่โลกภายนอกวุ่นวาย พวกเขาเรียนรู้ที่จะรัก เรียนรู้ที่จะให้อภัย และหาความสุขจากสิ่งเรียบง่าย เช่น รอยยิ้มของคนรัก กลิ่นหอมของส้มในฤดูเก็บเกี่ยว หรือเสียงคลื่นที่ซัดสาดมาอย่างต่อเนื่อง บนเกาะเล็กๆ แห่งนี้ ชีวิตอาจไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เต็มไปด้วยความหมาย เหมือนกับรสชาติของส้ม ที่แม้จะเปรี้ยว แต่ก็มีความหวานซ่อนอยู่เสมอ