WISH DRAGON เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดย คริส แอปเพลฮานส์ (Chris Appelhans) นักวาดสัญชาติอเมริกันที่เคยฝากผลงานไว้ในแอนิเมชันเรื่องดังอย่าง Monster House (2006) และ Coraline (2009) มาแล้ว โดยมี เฉินหลง หรือ แจ็คกี้ ชาน (Jackie Chan) นั่งแท่นอำนวยการสร้างและรับหน้าที่พากย์เสียงเป็น หลง มังกรอธิษฐานจอมป่วน อีกด้วย
อีกหนึ่งความพิเศษที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือการร่วมงานของสตูดิโอไทยอย่าง The Monk Studios ภายใต้สตูดิโอหลักอย่าง Sony Pictures Animation หลังจากเป็นสตูดิโอไทยที่เคยส่งผลงานแอนิเมชันไปชนะรางวัลจากทั่วโลกมานับสิบรางวัล อย่างผลงาน Nine แอนิเมชันดัดแปลงจากเรื่องสั้นในหนังสือ Nine Lives โดย ทรงศีล ทิวสมบุญ ที่เล่าเรื่องราวของแมวที่ขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อแลกกับการมีชีวิตเป็นอมตะ ซึ่งได้รับผลตอบรับเชิงบวกอย่างล้นหลามจากเทศกาลหนังสั้นนานาชาติมากมายมาแล้ว
พลอตเรื่องของ WISH DRAGON เดาได้ง่ายดาย เพราะเป็นเรื่องราวเดียวกันกับ อาละดินและตะเกียงวิเศษ ที่ทุกคนคุ้นเคย เพียงแต่ทุกอย่างถูกปรับเปลี่ยนให้เส้นเรื่องดำเนินไปโดยมีวัฒนธรรมจีนเป็นพื้นหลัง ดังนั้นการเปลี่ยนจากยักษ์ในตะเกียงมาเป็น มังกรในกาน้ำชา ก็เข้าท่าดีไม่น้อย นอกจากนั้นภาพยนตร์ยังยั่วล้อต้นฉบับเดิม ผ่านเรื่องราวในยุคปัจจุบัน โดยดึงเอาความร่วมสมัยอย่างความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การพยายามทำงานอย่างหนักของคนยุค Baby Boomer (ผู้ที่เกิดระหว่างค.ศ. 1946-1964) เพื่อสร้างรากฐานและต้นทุนที่ดีให้บุตรหลานในยุคที่เงินตราและคอนเน็คชั่นกลายเป็นเรื่องสำคัญ
รวมไปถึง เรื่องราวในชีวิตประจำวัน อย่างปัญหารถติด ที่ทำเอาเจ้ามังกรหลงยุคแอบหัวเสียไม่น้อย (หลาย ๆ คนคงได้เห็นฉากรถติดและความหัวเสียของเจ้าหลงกันแล้ว เพราะฉากนี้ตลกและไวรัลแบบสุด ๆ จากเสียงพากย์ภาษาไทยที่ฮาถูกใจชาวเน็ต)
พระเอกของเรื่องอย่าง ติ่น ถูกเขียนให้มีความแตกต่างจากอาลาดินแบบคนละเรื่อง ทั้งนิสัยใจคอ ความคิดความอ่าน และพื้นเพครอบครัว ที่เป็นองค์ประกอบยิบย่อย ชวนให้ผู้ชมรักและเอ็นดูตัวละครตัวนี้ได้ง่าย ๆ อย่างรวดเร็วในเวลาชั่วโมงเศษ ๆ ของภาพยนตร์
ส่วนนางเอกของเรื่องอย่าง หลี่นา เพื่อนสนิทวัยเด็กของ ติ่น ก็เติบโตขึ้นเป็นคนดังในแวดวงสังคม (ถึงขนาดได้ขึ้นป้ายบิลบอร์ดโฆษณาแบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูงของ เพียเจต์ (Piaget) เลยนะ!) ไม่ต่างอะไรกันกับเจ้าหญิงจัสมิน ผู้มีสถานะเป็น ‘ดอกฟ้า’ ในสายตาของอาละดิน