รีวิวซีรีส์ Money Heist ปล้นเหนือเมฆกับแผนการที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์

สำหรับเรื่อง Money Heist หรือชื่อในภาษาสเปนว่า La Casa de Papel คือซีรีส์แนวแอ็กชัน-อาชญากรรมที่โด่งดังระดับโลกจาก Netflix ซึ่งสร้างโดย Álex Pina ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นทั้งในด้านพล็อตที่ชาญฉลาด ตัวละครที่มีมิติ และการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความตื่นเต้น และจุดพลิกผันที่คาดไม่ถึง

Money Heist

เรื่องราวเริ่มต้นจากชายลึกลับที่ใช้ชื่อว่า ศาสตราจารย์ เขารวบรวมกลุ่มคนที่มีอดีตอันเลวร้ายหรือชีวิตที่ไม่มีอะไรจะเสีย มารวมตัวกันเพื่อทำแผนปล้นสุดแยบยล โดยตั้งเป้าหมายแรกคือ โรงกษาปณ์แห่งชาติของสเปน พวกเขาวางแผนจะพิมพ์เงินออกมาเองมากถึง 2.4 พันล้านยูโร โดยไม่ทำร้ายหรือฆ่าใคร เพื่อแสดงให้เห็นว่าการปล้นครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อความโลภ แต่เป็นการ “ทวงคืน” จากระบบที่ไม่ยุติธรรม จุดเด่นของซีรีส์คือการวางแผนที่ละเอียดถี่ถ้วนของ The Professor ซึ่งต้องรับมือทั้งกับตำรวจ หน่วยเจรจา และเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นภายในโรงพิมพ์ ในขณะที่ทีมปล้นแต่ละคนก็มีบุคลิกเฉพาะตัว เช่น Tokyo สาวใจร้อนที่เป็นผู้เล่าเรื่องหลัก Berlin ผู้นำในสถานการณ์ตึงเครียดที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว, Rio, Nairobi, Denver, Moscow, และอื่น ๆ อีกมาก ทุกคนใช้นามเมืองเป็นโค้ดเนมเพื่อปกปิดตัวตน ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเรื่อง

ซีรีส์นี้ไม่ได้เน้นแค่แผนปล้นเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงประเด็นทางสังคม เช่น ความไม่เท่าเทียม การต่อต้านระบบทุน และเสรีภาพของปัจเจกชน มีหลายฉากที่ชวนตั้งคำถามกับคำว่า “อาชญากร” ว่าแท้จริงแล้วใครกันแน่คือผู้ที่ผิด และความยุติธรรมคืออะไร เพลง “Bella Ciao” กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน ซึ่งถูกใช้เป็นธีมหลักและมีความหมายลึกซึ้งในเนื้อเรื่อง ในแง่การผลิต Money Heist มีจังหวะการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม ทุกตอนจบจะมีจุดค้างคาให้คนอยากดูต่อ ฉากแอ็กชันตื่นเต้น เร้าใจ แต่ก็มีช่วงอารมณ์ดราม่าที่ลงลึกในความสัมพันธ์ของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหวัง หรือความสูญเสีย ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันและเอาใจช่วยทั้งสองฝั่ง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ซีรีส์มีทั้งหมด 5 ภาค และยังมีเวอร์ชันรีเมคอย่าง ทรชนคนปล้นโลก เวอร์ชั่นเกาหลีที่ดัดแปลงให้เข้ากับบริบทเกาหลี

Scroll to Top