รีวิวหนัง I Know What You Did Last Summer ซัมเมอร์สยอง…ต้องหวีด 2025 โหยหากลิ่นคาวเลือดตามเทรนด์

       ไปกันต่อ…แบบว่าเอาให้เลี่ยน ให้อาเจียน ไปข้างหนึ่งไปเลยก็ได้ สำหรับกระแสโหยหาอดีต Nostalgia ที่เป็นที่นิยมกันมาก ๆ จนทำให้ตอนนี้รายชื่อหนังบนบ็อกซ์ออฟฟิศแทบจะเหมือนพาย้อนเวลากลับไป 20-30 ปีที่แล้วนะ แล้วเราก็มาต่อกับอีกหนึ่งคอนเทนท์เขย่าขวัญแนวไล่ฆ่าที่เคยโดดเด่นแห่งยุค 90s กลับมาอีกทีใน I Know What You Did Last Summer ซัมเมอร์สยอง…ต้องหวีด 2025 ด้วยชื่อเดิมเป๊ะ ๆ พล็อตที่คุ้นเคย และกลิ่นอายที่หวนถึงอดีตเมื่อหนุ่มสาวทั้ง 5 คนได้บังเอิญก่ออาชญากรรมจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่มีเหยื่อผู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาจึงเลือกที่จะปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความลับเอาไว้ กระทั่งเวลาผ่านไปเป็นปี ดูเหมือนว่าอดีตที่พวกเขาเก็บงำเอาไว้จะตามกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง ที่ต้องเผชิญหน้ากับผลกรรมอันน่าสยดสยองของผลการกระทำ ที่ดูเหมือนว่ามีคนรู้ว่า..เมื่อฤดูร้อนที่แล้วพวกเขาทำอะไรเอาไว้ และกลับมาเพื่อแก้แค้นให้สาสมสมาชิกทั้ง 5 คนที่ถูกไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งและสังเวยชีวิตไปทีละคน ก่อนที่พวกเขาจะค้นพบว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้นพวกเขาจึงตามหาและขอความช่วยเหลือจากผู้รอดชีวิตทั้งสองคนที่ยังเหลือรอดอยู่ จากเหตุการณ์สังหารหมู่เมืองเซาท์พอร์ต เมื่อปี 1997 ที่ก็ไม่แน่ชัดว่าผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนนั้นจะช่วยเหลือได้มากน้้อยเพียงใด

     ในฉบับรีบูตใหม่ครั้งนี้ได้ผู้กำกับหญิง เจนนิเฟอร์ เคย์ติน โรบินสัน (จากหนังวัยรุ่น Do Revenge) มารับหน้าที่ดูแลงานสร้างและร่วมเขียนบทหนังเวอร์ชันใหม่นี้ด้วยตัวเอง และเธอก็จัดได้ว่าเป็นคนเจนวายหรือชาวมิลเลนเนียล ที่เพรียบพร้อมเติบโตมากับการเสพย์คอนเทนท์ปัง ๆ ในช่วงยุค 90s และ 2000s อันเรืองรอง นั่นจึงทำให้เธอมีวิสัยทัศน์ที่เปี่ยมล้นและช่ำชองด้วยดี ในการมาละเลงรังสรรค์และรื้อฟื้นหนังไล่ฆ่าระดับคลาสสิกจากอดีตที่ยังคิดถึงแต่ก็น่าเสียดาย เพราะท้ายที่สุดแล้ว I Know What You Did Last Summer 2025 เรื่องนี้ ก็แทบจะไม่ต่างกับการนำมาละเลงทำซ้ำในรูปแบบเก่า ๆ จังหวะเดิม ๆ ที่แทบจะเหลือเสน่ห์เอาไว้ให้เชยชมเท่าไหร่แล้ว ความจำเจที่พาคนดูลากยาวไปอยู่วังวนเก่า ๆ นับร้อยนาที ค่อนข้างเป็นประสบการณ์ที่เหมือนกับฉายหนังม้วนเดิม แต่นำมาปัดฝุ่นและประยุกต์องค์ประกอบใหม่ ๆ เข้าไปให้ดูทันสมัยขึ้น ขณะที่แวดล้อมอะไรต่าง ๆ ยังค่อนข้างลอยอยู่ในถังน้ำใบเดิมที่ถูกเติมน้ำก๊อกใหม่เข้ามาเท่านั้นบทหนังค่อนข้างไม่มีเสน่ห์สักเท่าไหร่ แม้ว่าหนังจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเจริญรอยตามความปังของหนังไล่ฆ่าที่กลับมาได้งดงาม อย่าง Scream ได้ทว่าอรรถรสของหนังยังค่อนข้างห่างชั้นเชิงกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะพล็อตหนังที่หาอะไรที่แปลกใหม่ได้เลย ยังเล่นซ้ำรอยเก่า ๆ กับปริศนาฆาตกรรมชุดดำและเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ทุกสัดส่วนกลายเป็นความคลีเช่จากยุค 90s ที่ยังหยิบเอานำมาใส่เอาไว้ในหนังที่ฉายในปี 2025 อยู่ต่อไป พลอยทำให้แรงขับเคลื่อนในการเล่าเรื่องค่อนข้างเบาโหวง ไม่มีเสน่ห์ และแทบไม่มีอะไรให้ลุ้น เพราะความซ้ำที่เดาทางได้ทั้งหมด

     เพราะว่าเป็นการรีบูตใหม่ ก็ไม่ต่างกับเอา I Know What You Did Last Summer ฉบับปี 1997 มาปรับมุมมองและอีปเกรดตัวเองขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าหนังถูกอัปเกรดขึ้นในทุก ๆ ด้าน ยกเว้นพล็อตหนังอย่างเดียว แวดล้อมต่างๆ ดีไซน์ออกมาได้เป็นอเมริกันสมัยใหม่ ปรับให้เขากับวัฒนธรรมปัจจุบัน โดยที่ยังมีหลายจุดที่บทหนังก็พยายามดึงกลับเข้าไปสู่อะไรเดิมๆ แบบที่ต้นฉบับทำเอาไว้ จังหวะการตัดต่อค่อนข้างใช้ได้ มีลูกเล่นและลีลากระตุกขวัญตามมาตรฐานของหนังแนวนี้ขณะที่การดีไซน์รูปแบบความสยดสยองและฉากเลือดสาดต่างๆ ถือว่าทำออกมาได้ตรงมาตรฐานอยู่ แม้ว่าจะค่อนข้างเพลย์เซลฟ์ตัวเองไปเยอะก็ตาม ไม่ถึงขั้นสาแก่ใจ แต่ก็ไม่ชวนแหวะ หรือเรียกร้องความสยองมากเกินไป นั่นทำให้การเล่นแบบเซฟๆ ของหนังในจุดนี้ ก็เป็นส่วนที่ไม่สามารถขับเสน่ห์ของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกันดังนั้นแรงกดดันมหาศาลจึงตกมาอยู่ที่ทีมนักแสดง ที่นักแสดงชุดใหม่ล้วนแต่เป็นดาราดาวรุ่งที่กำลังสะสมผลงานกัน ไม้ว่าจะเป็น เมเดอลีน ไคลน์, เชส ซุย วอนเดอร์ส, โจนาห์ ฮาวเออร์-คิง, ไทริค วิเธอร์ส และ ซาราห์ พิดเจียน ที่ต้องแจ้งตรงๆ เลยว่าลีลาการแสดงของเขาค่อนข้างมีรสจืดไปนิด ก็เป็นแพ็กสูตรเดิม ๆ ของหนังวัยรุ่นอเมริกันแสนทะเยอทะยานที่เราเห็นได้บ่อยๆ พลังการแสดงของพวกเขายังไม่สามารถช่วยขับอินเนอร์ของหนังออกมาได้เปล่งปลั่งมากนัก ด้วยเสน่ห์และมิติของบทที่เชื่อมไม่ติดก็พลอยทำให้เสียคะแนนตรงนี้ไป

 

Scroll to Top