รีวิวหนัง Superman ซูเปอร์แมน ฉบับใหม่ โฉมใหม่ ได้มาซึ่ง..พี่ซุปที่จริงใจ

   แล้วก้าวที่สำคัญของอาณาจักรดีซีก็ได้มาถึง นี่คือการปรับปรุงขนานใหญ่ เปลี่ยนโฉมให้ใหม่เอี่ยม ชนิดที่อยากให้ลืมฉบับเก่า ๆ กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่นับหนึ่งอีกครั้งของคอนเทนท์ฮีโรฝั่งดีซี ที่พวกเขาได้ออกสตาร์ทด้วยผลงานแรกในยุคใหม่กับ Superman ซูเปอร์แมน ฮีโรบุรุษเหล็กขวัญใจคนทั้งโลก ที่บินโฉมมากับผ้าคลุมสีแดงที่คุ้นตาอีกครั้ง แต่ทว่าท่วงท่าของเขาในครั้งนี้อาจจะแตกต่างไปจากเดิมสักหน่อยเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็น่าจะรู้จัก Superman กันดีแล้ว เขาคือบุรุษจากต่างดาวที่แม้จะไม่ได้เกิดจากมนุษย์ แต่ก็ถูกรับเลี้ยงดูมาโดยมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความรัก และบัดนี้มันได้กลายมาเป็นบททดสอบที่สำคัญของซูเปอร์แมน เมื่อสังคมกำลังตั้งคำถามว่าการมาอาศัยอยู่บนดาวโลกโดยที่ไม่ได้มีสิทธิพลเมืองใด ๆ ของเขา มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องพิทักษ์โลกใบนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม หรือเป็นเพียงการก้าวก่ายเกินหน้าที่ที่เขาหมายปองอะไรบางอย่างที่แอบแฝงต่อชาวโลกหรือไม่เจมส์ กันน์ หนึ่งในผู้กุมบังเหียนใหญ่ในการจัดการบริหารค่ายหนังดีซีในยุคปัจจุบันนี้ เขาโดดมารับหน้าที่กำกับ เขียนบทหนัง พ่วงด้วยอำนวยการสร้าง ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะ เพราะเราก็ไม่รู้จะมองหาใครที่ไหนจะเหมาะสมไปกว่าเขาอีกแล้ว ในการมารับหน้าที่นำทางในก้าวสเต็ปแรกในการเปิดอาณาจักรใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งก็ได้พิสจูน์ให้เห็นเด่นชัดแจ่มแจ้งแล้วว่า เจมส์ กันน์ ผู้นี้คือนักสร้างหนังที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ในการหยิบคอมิกส์มาขึ้นจออย่างถ่องแท้

     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลอดระยะเวลาที่ดื่มด่ำไปกับ Superman บนจอใหญ่ตรงหน้านั้น ข้างในความคิดมีแต่คำว่า อะไรใหม่ๆ วนเวียนซ้ำไปซ้ำมาตลอด เพราะเจมส์สามารถปลุกเสกอะไรใหม่ ๆ ที่ซูเปอร์แมนเวอร์ชันไหน ๆ ก็ยังไม่เคยลิ้มลองมาก่อน นำมาใส่เอาไว้ในผลงานชิ้นนี้ โดยที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานของการเคารพต้นฉบับอย่างเปี่ยมล้น กลายออกมาเป็นความกลมกล่อมในเนื้อหาหนังฮีโรที่สามารถพาผู้ชมไปกักเก็บอรรถรสและอารมณ์ได้ทุกระเบียบนิ้วถึงแม้ว่าจะพูดตรง ๆ ในแง่ของพล็อตหนังเรื่อง อาจจะยังไม่ใช่หนัง Superman ที่โปรดปรานที่สุด แต่บทหนังเวอร์ชันนี้กลายเป็นซูเปอร์แมนที่มีมิติชีวิตและจิตใจเป็นที่สุด การเลือกที่จะใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไปในเนื้อหาและตัวละครหลักของเรื่องนี้ นับว่าเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่ง แต่เพราะแกนเรื่องหลักที่แข็งแรง และการชูประเด็นต่าง ๆ ที่แทบจะไม่บกพร่องเลยสักนิด กลายเป็นองค์ประกอบที่ช่วยกันพยุงในส่วนของบทหนังฉบับนี้ออกมาได้ในระดับที่สตรอง และไปได้ถึงเกือบเต็มแม็กซ์นี่คือมนต์ขลังตลอด 2 ชั่วโมงของฮีโรที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ถึงจะเป็นการรีบูตใหม่เป็นหนที่ 4 แล้วก็ตาม แต่กลายเป็นว่าเป็นแนวทางการพัฒนาอะไรใหม่ ๆ ที่ทำออกมาได้ใหม่ ๆ ได้สดดีแท้ แล้วยิ่งมาได้ลีลาฝีมือจากวิสัยทัศน์ของ เจมส์ กันน์ ผนวกเข้าไปอีก กลายเป็นหนังฮีโรที่ผู้ชมคงจะเบาใจได้ระดับหนึ่ง เพราะเขาแทบจะเป็นอัจฉริยะที่เต็มไปด้วยแนวคิดลึกล้ำแต่ตกผลึกได้ดีกับผู้ชม ทำให้งานสร้างที่ออกมาใน Superman เรื่องนี้เป็นไปในแนวทางที่ลื่นไหลไปด้วยดี

        ส่วนองค์ประกอบงานสร้างอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น งานถ่ายภาพงาม ๆ ของ เฮนรี บราแฮม ลีลาการตัดต่อหนังแบบฉึบฉับเร้าใจด้วยดีของ วิลเลียม ฮอย กับ เคร็ก อัลเพิร์ต รวมไปถึงงานบรรเลงเพลงของ จอห์น เมอร์ฟีย์ และ เดวิด เฟลมมิ่ง ก็ได้มาด้วยซาวน์ที่ปลุกใจและปลุกอารมณ์คนดูได้ดี บนพื้นฐานต้นฉบับซาวน์ของตำนาน จอห์น วิลเลียมส์ ที่นำมาประยุกต์ได้กลมกล่อม รวมไปถึงเทคนิคพิเศษซีจีต่าง ๆ ก็ทำได้ค่อนข้างน่าพอใจ ไม่หลุด ไม่เขิน ไม่อาย ตรงมาตรฐานหนังฮีโรได้ครบถ้วนทุกข้อเดวิด คอเรนสเวต กับการแบกรับบทนำในหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ฟอร์มใหญ่เรื่องแรกในชีวิตของเขา บอกเลยว่า..สอบผ่านครับ! ไม่คิดว่าลูกเล่นและคารมทางการแสดงของเขาจะออกมาได้ด้วยจังหวะที่เป๊ะกับบทบาทขนาดนี้ แม้ว่าจะเป็นนักแสดงที่จัดได้ว่ายังไม่ได้ดังเปรี้ยงระดับรู้จักกันทั่วโลก แต่การเป็นซูเปอร์แมนของเขาในครั้งนี้ ได้นำพานิยามความเป็นซุปตาร์คนใหม่มาถึงตัวเขาอย่างเป็นทางการแล้ว เป็นบุุรุษที่สวมวิญญาณเป็นฮีโรในแบบไม่เคอะเขินและไม่ต้องพยายามเป็นฮีโรเกินไป ประกอบกับมิติในบทของตัวละครเวอร์ชันนี้ค่อนข้างส่งได้ดี โดยเฉพาะในแง่การใส่ความเป็นมนุษย์ที่จริงใจเข้าไปอย่างลงตัว

 

Scroll to Top