✨ บทที่ 1: คำมั่นใต้เงาไผ่ ณ ลำน้ำฮวาย ✨ ในยุคที่ความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์และปีศาจเป็นดั่งบาดแผลเรื้อรังบนผืนแผ่นดิน เรื่องราวความรักที่เป็นไปไม่ได้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ สถานที่ที่สายน้ำฮวายไหลเอื่อยเคียงคู่ป่าไผ่อันเงียบสงบ หลิวซือซือ-จางอวิ๋นหลง คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลตงฟาง ผู้นำแห่งสำนักอัคคีเทพ นางคือผู้สืบทอดสายเลือดวิญญาณจิ้งจอกและพลังอัคคีเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่ามนุษย์ รูปลักษณ์ของนางงดงามสง่าราวกับเทพธิดา แต่แววตากลับซ่อนความเศร้าและความรับผิดชอบอันหนักอึ้งไว้เบื้องหลัง เพราะชาติกำเนิดและพลังของนาง คือความหวังสุดท้ายที่จะรื้อฟื้น “พันธมิตรแห่งความสามัคคี” ที่เคยล่มสลายให้กลับมาอีกครั้ง
✨ บทที่ 1: คำมั่นใต้เงาไผ่ ณ ลำน้ำฮวาย ✨
ในคืนเดือนเจ็ด ณ “เรือนรักป่าไผ่” ริมน้ำฮวาย หวยจู๋ได้มาตามคำนัดหมายสำคัญ เธอสวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ทว่าแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ลอดผ่านกอไผ่ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังปราณที่แข็งแกร่งจากอีกฝ่าย
นั่นคือ หวังเฉวียนหงเย่ (รับบทโดย จางอวิ๋นหลง) ประมุขน้อยแห่งตระกูลหวังเฉวียน ผู้ซึ่งเป็นทายาทผู้ควบคุมวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเผ่าปีศาจ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลาคมเข้ม ทว่าเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้และความเย็นชาภายใต้ชุดเกราะสีดำ หงเย่แบกรับความแค้นและความทุกข์ทรมานที่เกิดจากสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์
“เจ้ามาแล้ว ตงฟางหวยจู๋” น้ำเสียงของหงเย่เย็นเยียบและแฝงความไม่ไว้ใจ “การนัดพบครั้งนี้ มิใช่แค่การเจรจา แต่เป็นการเดิมพันด้วยชีวิตของพวกเราสองคน”หวยจู๋ยิ้มบางเบาอย่างอ่อนโยน แต่ดวงตานางฉายแววแน่วแน่ “ข้าทราบดี ประมุขน้อยหวังเฉวียน การที่มนุษย์และปีศาจจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข มีเพียงการสร้างพันธมิตรขึ้นใหม่เท่านั้น”“เรือนรักป่าไผ่” เป็นสถานที่ที่ถูกเลือก เพราะเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างดินแดนของทั้งสองเผ่าพันธุ์ เป็นพื้นที่แห่งความหวังที่ริบหรี่ แต่ก็เป็นที่ที่พวกเขาต้องร่วมกันสร้างปาฏิหาริย์

🌿 บทที่ 2: ความขัดแย้งที่ก่อเกิดเป็นความผูกพัน
- ในช่วงแรกของการร่วมมือ ทั้งหวยจู๋และหงเย่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ ความแตกต่างทางเผ่าพันธุ์ ความเชื่อ และหน้าที่ทำให้พวกเขาปะทะกันอยู่เสมอหวยจู๋พยายามที่จะเข้าถึงจิตใจของหงเย่ด้วยความเมตตาและเหตุผล ขณะที่หงเย่ผู้มีอดีตอันขมขื่นจากความสูญเสียจากน้ำมือมนุษย์ มักจะตอบโต้ด้วยความเย็นชาและเย้ยหยัน เขาเห็นความอ่อนโยนของหวยจู๋เป็นเพียงความไร้เดียงสาที่น่ารำคาญ“เจ้ามันอ่อนหัดเกินไปที่จะเข้าใจความโหดร้ายของโลกใบนี้ ตงฟางหวยจู๋” หงเย่เคยกล่าวไว้ขณะที่ซ้อมเพลงกระบี่อย่างดุดันกลางป่าไผ่
- “ความโหดร้ายก็มาจากความไม่เข้าใจกันมิใช่หรือ?” หวยจู๋ตอบกลับอย่างใจเย็น นางยืนมองเขาราวกับเข้าใจทุกสิ่งที่อยู่ในใจ “หากเราไม่เริ่มจากความเชื่อใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วพันธมิตรจะเกิดขึ้นได้อย่างไร?”ทุกวันในเรือนรักป่าไผ่ กลายเป็นสนามรบแห่งความคิดที่ปะปนไปด้วยกลิ่นอายของไผ่และดิน ทุกการปะทะทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น
- หงเย่เริ่มสังเกตเห็นถึงความมุ่งมั่นที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความอ่อนโยนของหวยจู๋ นางไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ แม้กระทั่งเมื่อถูกเขาปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ยังคงยืนหยัดเพื่อความฝันที่จะเห็นสันติภาพส่วนหวยจู๋ก็ได้เห็นถึงภาระที่หนักอึ้งบนบ่าของหงเย่ เขามิใช่ปีศาจร้ายกาจ แต่เป็นเพียงผู้นำที่พยายามปกป้องเผ่าพันธุ์ของตนเองอย่างสุดกำลัง หัวใจที่ดูเย็นชานั้นซ่อนความโดดเดี่ยวและความปรารถนาที่จะยุติความเจ็บปวดไว้.
บทสรุปสั้นๆ
นับจากวันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับปีศาจเริ่มเปลี่ยนไปจากความขัดแย้งกลายเป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้ง… กลายเป็นความผูกพันที่บริสุทธิ์ ดั่งยอดไผ่ที่เอนลู่ลมแต่ไม่เคยหักโค่น ซึ่งจะนำไปสู่ตำนานรักครั้งใหม่ที่ต้องแลกมาด้วยการเสียสละอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าเผ่าพันธุ์ใด ๆนี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานรักแห่ง “Love in Pavilion เรือนรักป่าไผ่” ที่ความแตกต่างไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่เป็นบททดสอบของหัวใจสองดวง




