Delicious รสชาติความอร่อยของชีวิต

ภาพยนตร์แนวพีเรียดดราม่าผสมกลิ่นอายคอมเมดี้จากประเทศฝรั่งเศสอย่าง Delicious ที่พาผู้ชมย้อนเวลากลับไปในยุคก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของอาหาร การต่อสู้ทางชนชั้น และเสรีภาพของจิตวิญญาณ ผ่านการสร้าง “ร้านอาหารแรกของฝรั่งเศส” ที่เปลี่ยนโฉมวงการอาหารไปตลอดกาล เรื่องราวเริ่มต้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 เมื่อ ม็องซิเออร์ ม็องชอน เชฟฝีมือเยี่ยมประจำวังของขุนนางผู้สูงศักดิ์ ถูกไล่ออกจากตำแหน่งเพราะกล้าเสิร์ฟอาหารที่ไม่เป็นไปตามรสนิยมของชนชั้นสูง ทั้งที่จานนั้นสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และรสชาติของ “สามัญชน” อย่างแท้จริง หลังจากสูญเสียทั้งชื่อเสียงและสถานะ เขาตัดสินใจกลับไปยังบ้านเกิดในชนบท ใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ไม่คิดจะจับตะหลิวอีกต่อไปตัวอย่างภาพยนตร์ Delicious Trailer Netflix

จนกระทั่งวันหนึ่งหญิงลึกลับชื่อ ลูอิซ ปรากฏตัวขึ้น เธอขอให้ม็องชอนสอนศิลปะการทำอาหารให้ โดยมีเหตุผลบางอย่างที่เธอไม่เปิดเผยในทันที ลูอิซเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและมีสายตาเฉียบแหลมต่อรสชาติ ทั้งคู่เริ่มต้นสร้างสรรค์อาหารด้วยวัตถุดิบพื้นบ้านและแนวคิดที่ว่า “อาหารคือความสุขที่ทุกคนสมควรได้รับ” จนค่อยๆ เกิดเป็นแนวคิดของ “ร้านอาหาร” ที่เปิดให้คนทั่วไปได้ลิ้มรส ไม่จำกัดชนชั้น ระหว่างทาง ม็องชอนและลูอิซต้องเผชิญแรงต่อต้านจากขุนนางที่มองว่าการเปิดร้านอาหารให้คนธรรมดาเป็นเรื่องไม่สมควร พวกเขาจึงต้องต่อสู้ทั้งเพื่ออิสรภาพทางความคิด และเพื่อสิทธิในการมีความสุขผ่านการกิน เรื่องราวอบอุ่นหัวใจนี้ค่อยๆ คลี่คลายไปสู่การปฏิวัติทางรสชาติ ที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมฝรั่งเศสในยุคนั้น ติดตามข่าวสาร และความสนุกต่างๆ ได้ที่ gamemanganews.com

จุดเด่นของหนังเรื่อง Delicious

  1. เรื่องราวที่เชื่อมโยง “อาหาร” กับ “เสรีภาพ” ได้อย่างลึกซึ้ง
    อาหาร เป็นสัญลักษณ์ของการปลดแอกจากกรอบชนชั้นในยุคก่อนการปฏิวัติฝรั่งเศส หนังไม่เพียงพูดถึงการปรุงรสชาติให้กลมกล่อมเท่านั้น แต่ยังสื่อถึง “รสชาติของชีวิต” ที่ทุกคนควรได้สัมผัสอย่างเท่าเทียมกัน การก่อกำเนิดของร้านอาหารแห่งแรกในฝรั่งเศสจึงกลายเป็นตัวแทนของการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในรูปแบบที่งดงามและละเมียดละไม
  2. บรรยากาศย้อนยุคที่สวยงามและละเอียดทุกองค์ประกอบ
    หนังถ่ายทอดยุคศตวรรษที่ 18 ได้อย่างสมจริง ทั้งเครื่องแต่งกาย ฉากหมู่บ้านชนบท และครัวที่อบอุ่นด้วยแสงไฟจากเทียน ทุกภาพให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลป์ที่มีชีวิต การจัดองค์ประกอบและการถ่ายภาพยังเน้นโทนสีอบอุ่น ช่วยสร้างอารมณ์ละเมียดละไม เหมือนกำลังชมภาพวาดฝรั่งเศสในพิพิธภัณฑ์
  3. ตัวละครมีมิติและเคมีระหว่างนักแสดงยอดเยี่ยม
    ม็องชอน (Grégory Gadebois) ถ่ายทอดความเจ็บปวดและศักดิ์ศรีของเชฟได้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ลูอิซ (Isabelle Carré) สื่อถึงความมุ่งมั่นและความละเอียดอ่อนของหญิงผู้รักในรสชาติ ทั้งคู่มีเคมีที่กลมกลืน สร้างความรู้สึกอบอุ่นเหมือนการร่วมกันสร้างฝันผ่านจานอาหาร
  4. แฝงแนวคิดทางสังคมและศิลปะการครัวอย่างมีชั้นเชิง
    เบื้องหลังฉากการปรุงอาหารแต่ละจานคือการตั้งคำถามต่อระบบศักดินาและความไม่เท่าเทียม หนังนำเสนอให้เห็นว่า “ความคิดสร้างสรรค์” ไม่ได้จำกัดอยู่ในวังหรือห้องหรู แต่สามารถเกิดขึ้นได้จากครัวเล็กๆ ของคนธรรมดา การกินจึงกลายเป็นการแสดงออกทางอิสรภาพและความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
Scroll to Top